mysql extension is deprecated since PHP 5.5.0, consider using mysqli
บรมธรรม ภาคปลาย
ก่อนหน้า
ถัดไป
ค้นหา
สารบัญ
×
สารบัญหนังสือ
ไปยังหน้า :
คลิก
หน้าจอสืบค้น
ธรรมโฆษณ์อรรถานุกรม
การใช้ธรรมโฆษณ์อรรถานุกรม
กรรม
กาม
กิเลส
ขันธ์
จิต
ชาติ
ชีวิต
ตถตา
ตัณหา
ไตรลักษณ์
ทาน
ทุกข์
ธรรม
ธาตุ
นรก
นามรูป
นิพพาน
นิวรณ์
บาป
บุญ
ปฏิจจสมุปบาท
ปรมัตถธรรม
ปัญญา
ผัสสะ
พรหมจรรย์
พัฒนา
พุทธะ
มนุษย์
โลก
โลกิยธรรม
โลกุตตรธรรม
วิชชา
วิญญาณ
วิปัสสนา
วิมุตติ
เวทนา
ศรัทธา
ศาสนา
ศีล
ศีลธรรม
สติ
สมาธิ
สวรรค์
สังขาร
สังฆะ
สันโดษ
สิกขา
สุข
สุญญตา
อตัมมยตา
อนัตตา
อนิจจัง
อรหันต์
อริยมรรค
อวิชชา
อัตตา
อายตนะ
อิทัปปัจจยตา
อุปาทาน
ฮึ ฮึ กชาติกตา
หนังสืออริยสัจจากพระโอษฐ์
ภาคนำ ว่าด้วย ข้อความที่ควรทราบก่อนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
ตอน 1 ว่าด้วย สัตว์โลกกับจตุราริยสัจ
ตรัสรู้แล้ว ทรงรำพึงถึงหมู่สัตว์
การพ้นทุกข์โดยไม่รู้อริยสัจนั้น เป็นไปไม่ได้
เพราะไม่รู้อริยสัจ จึงต้องแล่นไปในสังสารวัฏ
สัตว์เกิดกลับมาเป็นมนุษย์มีน้อย เพราะไม่รู้อริยสัจ
ความมืดบอดของโลก มีตลอดเวลาที่พระตถาคตไม่เกิดขึ้น
อริยสัจ 4 เป็นสิ่งคงที่ไม่รู้จักเปลี่ยนตัว
สุขที่สัตว์โลกควรกลัว และไม่ควรกลัว
ความรู้สึกของบุถุชน ไขว้กันอยู่เสมอต่อหลักแห่งอริยสัจ
ผู้ติดเหยื่อโลก ชอบฟังเรื่องกาม ไม่ฟังเรื่องสงบ
การฟังอริยสัจ เหมาะสำหรับจิตที่ฟอกแล้วเท่านั้น
จิตที่ยังไม่ได้ฟอก ยากนักที่จะเห็นนิโรธสัจ
สัตว์ผู้ไม่เป็นไทต่อความกำหนัด ย่อมหลงกาม
สัตว์โลกรู้จักสุขอันแท้จริง ต่อเมื่อปัญญาเกิด
ตอน 2 ว่าด้วย ชีวิตมนุษย์กับจตุราริยสัจ
มนุษย์เป็นอันมาก ได้ยึดถือเอาที่พึ่งอันผิดๆ
ผู้ไม่รู้อริยสัจ ย่อมหลงสร้างเหวแห่งความทุกข์เพื่อตัวอยู่ร่ำไป
ผู้รู้อริยสัจ หาหลงสร้างทุกข์ขึ้นเพื่อตัวเองไม่
ทุกข์ประเภทใหญ่ๆ ก็มีพอแล้ว สำหรับสัตว์จะสำนึกตัวมารู้อริยสัจ
พอรู้อริยสัจ ทุกข์เหลือน้อยขนาดฝุ่นติดปลายเล็บเทียบกับปฐพี
ผู้ไม่รู้อริยสัจ ชื่อว่าตกอยู่ในที่มืด
ผู้ไม่รู้อริยสัจ ชื่อว่าตกอยู่ในหลุมเพลิงเป็นนิจ
กว่ามนุษย์จะหลุดจากบ่วง (คือรู้อริยสัจ)
1. เมื่อจมกามตามปกติ
2. เมื่อจมกามครั้งที่ 2
3. เมื่อเฉไปติดบ่วงทิฏฐิ
4. เมื่อพ้นจากบ่วง
ยังมีพวกบริโภคกาม โดยไม่จมกาม
ผู้รู้อริยสัจเป็นหลักอยู่ในใจ ย่อมไม่มีอาการสั่นสะเทือนเพราะถูกยกวาทะ : ดุจเสาหิน
ผู้ประกอบด้วยอวิชชา คือผู้ไม่มีความรู้ 4 อย่าง
อย่าคิดเรื่องโลก แต่จงคิดเรื่องอริยสัจ
อยากลาวเรื่องทุมเถียงแกงแยงกัน แตจงกลาวเรื่องความพนทุกข์
อยากลาวเรื่องไมมีประโยชน แตจงกลาวเรื่องความพนทุกข์
จงบวชเพื่อรู้ความดับทุกข์ เหมือนเขาทั้งหลายผู้บวชแล้วโดยชอบ
ไม่รู้อริยสัจ ก็ยังไม่เป็นสมณพราหมณ์ที่แท้
ถ้ามัวรอให้รู้เรื่องที่ไม่จำเป็นเสียก่อน ก็ตายเปล่า
อย่ายึดถือติดแน่นในธรรม แต่จงใช้เพียงเป็นเครื่องมือ
เปรียบนักเรียนอริยสัจ ด้วยหนูต่างจำพวกกัน
จงสงเคราะห์ผู้อื่น ด้วยการให้รู้อริยสัจ
ตอน 3 ว่าด้วย พระพุทธองค์กับจตุราริยสัจ
พระพุทธองค์ กับ จตุราริยสัจ
มุมน้อยมุมหนึ่งของความทุกข์ ที่พระองค์ไม่มี
ทรงแสวง
ทรงพบ
เมื่อยังไม่ทรงรู้อริยสัจก็ยังไม่ชื่อว่าได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ถ้าไม่รู้เบญจขันธ์ โดยนัยอริยสัจ 4 ก็ยังไม่ทรงปฏิญาเป็นพระพุทธเจ้า
พระพุทธองค์ทรงพระนามว่าสัมมาสัมพุทธะ ก็เพราะได้ตรัสรู้อริยสัจ 4
ทรงรอบรู้โลก (อริยสัจ)
ทรงบรรลือสีหนาท ประกาศจตุราริยสัจ
ทรงประกาศอนุตตรธรรมจักร ซึ่งใครๆ ประกาศไม่ได้
สิ่งที่ไม่ทรงนำมาสอน มีมากยิ่งกว่ามากนัก
สิ่งที่ทรงนำมาสอน ก็เฉพาะเรื่องความพ้นทุกข์
ทรงพยากรณ์เฉพาะเรื่องอริยสัจ 4
ทรงบัญญัติสัจจะ ไม่เข้าใครออกใคร
ตรัสถ้อยคำโดยโวหารโลก แต่มิได้ทรงยึดถือ
สาวกมาอยู่อาศัยพระองค์ เพราะทรงตอบปัญหาอริยสัจได้
พระพุทธเจ้าทั้งในอดีต - อนาคต - ปัจจุบัน ล้วนแต่ตรัสรู้อริยสัจ 4
เหตุที่ต้องมีพระพุทธองค์และธรรมวินัยอยู่ในโลก
ผู้ช่วยให้รู้อริยสัจ นับเนื่องอยู่ในบุคคลผู้มีอุปการะมาก
ตอน 4 ว่าด้วย การรู้อริยสัจไม่เป็นสิ่งสุดวิสัย
ทั้งในอดีต - อนาคต - ปัจจุบัน ล้วนมีการประกาศอริยสัจตามความเป็นจริง
มีบุคคลบวชแล้วรู้อริยสัจ ทั้งในอดีต - อนาคต - ปัจจุบัน
ทั้งอดีต - อนาคต - ปัจจุบัน ล้วนแต่มีการรู้อริยสัจ
ตรัสว่าจงหลีกเร้น แล้วจักรู้อริยสัจ
ตรัสว่าจงเจริญสมาธิ จักรู้อริยสัจตามเป็นจริง
จิตเป็นสมาธิแล้ว รู้อริยสัจได้แจ่มใส เหมือนเห็นของในน้ำอันใส
เมื่อประพฤติถูกทาง กิริยาที่ไปนิพพานเบาสบายเหมือนไม้ลอยน้ำ
การรู้อันตคาหิกทิฏฐิ ไม่เกี่ยวกับการรู้อริยสัจและการประพฤติพรหมจรรย์
สัจจะ และหลักพึงปฏิบัติเกี่ยวกับการถึงสัจจะ
(ก. ความจริงตามแบบของชาวโลกตามธรรมชาติ)
(ข. วิธีการตามรักษาไว้ซึ่งความจริง)
(ค. การติดตามทำความกำหนดรู้ตามความเป็นจริง)
(ง. การตามบรรลุถึงซึ่งความจริง)
(จ. ธรรมเป็นอุปการะมากแก่การตามบรรลุถึงซึ่งความจริง)
การรู้อริยสัจเป็นของไม่เหลือวิสัย พระอริยบุคคลจึงมีปริมาณมาก
ตอน 5 ว่าด้วย คุณค่าของอริยสัจ
อริยสัจ 4 เป็นเอกังสิกธรรมที่ทรงแสดง
ทำที่สุดทุกข์โดยไม่รู้อริยสัจนั้น เป็นไปไม่ได้
สัตว์ต้องเวียนว่าย เพราะไม่เห็นอริยสัจ
การรู้อริยสัจ รีบด่วนกว่าการดับไฟที่กำลังไหม้อยู่บนศีรษะ
การรู้อริยสัจ ควรแลกเอาแม้ด้วยการถูกแทงด้วยหอกวันละ 300 ครั้ง 100 ปี
เมื่อยังไม่รู้อริยสัจ ก็ไม่สามารถลงหลักแห่งความรู้ของตน
สัตว์จำพวกวินิบาต กับการเห็นจตุราริยสัจ
การรู้อริยสัจ ทำให้มีตาครบ 2 ตา
การสิ้นอาสวะมีได้ เพราะการรู้อริยสัจ
เหตุที่ทำให้สัจจะเหล่านี้ ได้นามว่า "อริยะ"
เหตุที่ทำให้สัจจะเหล่านี้ ได้นามว่า "อริยะ" (อีกนัยหนึ่ง)
อริยสัจ 4 สำหรับความเป็นอริยบุคคล
อริยสัจจธรรมรวมอยู่ในธรรมที่ใครค้านไม่ได้
ตอน 6 ว่าด้วย เค้าโครงของอริยสัจ
หลักอริยสัจมีอย่างเดียว แต่คำอธิบายมีปริยายมากมาย
หลักอริยสัจ 4 โดยสังเขป (นัยทั่วไป)
หลักอริยสัจ 4 โดยสังเขป (อีกนัยหนึ่ง : ทรงแสดงด้วยปัญจุปาทานขันธ์)
หลักอริยสัจ 4 โดยสังเขป (อีกนัยหนึ่ง : ทรงแสดงด้วยอายตนะ 6)
ทรงวางลำดับแห่งอริยสัจ อย่างตายตัว
อริยสัจ 4 ในรูปแบบพิเศษ
การวางลำดับใหม่ ไม่มีเหตุผลเลย
หน้าที่อันเกี่ยวกับอริยสัจ มี 4 ชนิด
อริยสัจ 4 มี 3 รอบ มี 12 อาการ
อริยสัจ 4 เนื่องกันจนเห็นอริยสัจเดียวไม่ได้
ไวพจน์หรือคำแทนชื่อ ของจตุราริยสัจ
ไวพจน์ ของจตุราริยสัจ (อีกนัยหนึ่ง : ทรงแสดงด้วยอันตะ)
ไวพจน ของจตุราริยสัจ (อีกนัยหนึ่ง : ทรงแสดงดวยคําวา สักกายะ)
ไวพจน์ ของจตุราริยสัจ (อีกนัยหนึ่ง : ทรงแสดงด้วยคำว่าโลก)
อริยสัจ 4 ที่ทรงแสดงโดยพิสดาร (อีกนัยหนึ่ง)
1. ทุกขอริยสัจ
2. ทุกขสมุทยอริยสัจ
3. ทุกขนิโรธอริยสัจ
4. ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ
อริยสัจ 4 ที่ทรงแสดงโดยพิสดาร (นัยที่สอง)
คําชี้ชวนวิงวอน
อุทเทศแห่งจตุราริยสัจ
ภาค ๑ ว่าด้วยทุกขอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐคือทุกข์
นิทเทศ 1 ว่าด้วย ประเภทและอาการแห่งทุกข์ตามหลักทั่วไป
อุทเทศแห่งทุกขอริยสัจ
ความเกิด
ความแก่
ความตาย
ความโศก
ความร่ำไรรำพัน
ความทุกข์กาย
ความทุกข์ใจ
ความคับแคนใจ
ความประสพด้วยสิ่งไม่เป็นที่รัก
ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก
ความปรารถนาอย่างใดแล้วไม่ได้อย่างนั้น
ปัญจุปาทานักขันธ์
นิทเทศ 2 ว่าด้วย ทุกข์สรุปในปัญจุปาทานขันธ์
นิทเทศ 2 วาดวยทุกขสรุปในปญจุปาทานักขันธ์
(ก.) วิภาคแห่งเบญจขันธ์ (5 วิภาค 60 เรื่อง)
1. วิภาคแห่งรูปขันธ์ (15 เรื่อง)
รูปและรูปอาศัย
มหาภูติคือธาตุ 4
การเกิดขึ้นของธาตุ 4 เท่ากับการเกิดขึ้นของทุกข์
ความเพลินในธาตุ 4 เท่ากับความเพลินในทุกข์
รสอร่อย - โทษ - อุบายเครื่องพ้นไปของธาตุ 4
ความลับของธาตุ 4
ธาตุสี่ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
ยังยินดีในธาตุ 4 อยู่ เพราะไม่รู้จักธาตุ 4
ความหมายของคำว่า "รูป"
อุปมาแห่งรูป
อัสสาทะของรูป
อาทีนพของรูป
นิสสรณะของรูป
ข้อควรกำหนดเกี่ยวกับรูป
รูปขันธ์ โดยนัยแห่งอริยสัจ 4
2. วิภาคแห่งเวทนาขันธ์ (21เรื่อง)
เวทนา 6
ความหมายของคำว่า "เวทนา"
อุปมาแห่งเวทนา
ความหมายอันแท้จริงของ "บาดาล"
ธรรมลักษณะ 8 ประการ แห่งเวทนา
หลักที่ควรรู้เกี่ยวกับเวทนา
ประมวลเรื่องน่ารู้พิเศษ เกี่ยวกับเวทนา
วิภาคแห่งเวทนา
"ธรรม" (คือเวทนา) เป็นสิ่งที่บัญญัติได้หลายปริยาย (อันเป็นเหตุให้หลงทุ่มเถียงกัน)
เวทนามีธรรมดาไม่เที่ยง
เวทนามีธรรมดาแปรปรวน
เวทนาเป็นทุกข์ เป็นลูกศร เป็นของไม่เที่ยง
เวทนาทุกชนิด สรุปลงในความหมายว่า "ทุกข์"
เวทนา เป็นทางมาแห่งอนุสัย
อัสสาทะชั้นเลิศ ของเวทนา
เวทนา คือทางไปแห่งจิตของสัตว์
การเกิดของเวทนา เท่ากับการเกิดของทุกข์
อาการเกิดดับแห่งเวทนา
ข้อควรกำหนด เกี่ยวกับเวทนา
เวทนาขันธ์ โดยนัยแห่งอริยสัจ 4
ประมวลสิ่งที่ต้องรู้ เกี่ยวกับเวทนา
3. วิภาคแห่งสัญญาขันธ์ (8 เรื่อง)
สัญญา 6
ความหมายของคำว่า "สัญญา"
อุปมาแห่งสัญญา
หลักที่ควรรู้ เกี่ยวกับสัญญา
สัญญามีธรรมดาแปรปรวน
การเกิดของสัญญา เท่ากับการเกิดของทุกข์
ข้อควรกำหนด เกี่ยวกับสัญญา
สัญญาขันธ์ โดยนัยแห่งอริยสัจ 4
4. วิภาคแห่งสังขารขันธ์ (7 เรื่อง)
สังขาร 6
ความหมายของคำว่า "สังขาร"
อุปมาแห่งสังขาร
สังขารมีธรรมดาแปรปรวน
การเกิดของสังขาร เท่ากับการเกิดของทุกข์
ข้อควรกำหนด เกี่ยวกับสังขาร
สังขารขันธ์ โดยนัยแห่งอริยสัจ 4
5. วิภาคแห่งวิญญาณขันธ์ (8 เรื่อง)
วิญญาณ 6
ความหมายของคำว่า "วิญญาณ"
อุปมาแห่งวิญญาณ
วิญญาณมีธรรมดาแปรปรวน
วิญญาณ เมื่อทำหน้าที่เป็นพืข
การเกิดของวิญญาณ เท่ากับการเกิดของทุกข์
ข้อควรกำหนด เกี่ยวกับวิญญาณ
วิญญาณขันธ์ โดยนัยแห่งอริยสัจ 4
(ข.) วิภาคแห่งปัญจุปาทานขันธ์
อุปาทาน 4
รากเง่าแห่งอุปาทานขันธ์
อุปทานกับอุปทานขันธ์ มิใช่อันเดียวกัน
อุปาทานและที่ตั้งแห่งอุปาทาน
เบญจขันธ์ ได้นามว่าสักกายะและสักกายันตะ
ที่ติดของสัตว์
ผู็ติดบ่วง - ผู้หลุดจากบ่วง
ความสะดุ้งหวาดเสียวเพราะอุปาทาน
ความสะดุ้งหวาดเสียวเพราะอุปาทาน (อีกนัยหนึ่ง)
ลัทธิอื่น ไม่รู้จักเรื่องอัตตวาทุปาทาน
ตอน 2 ว่าด้วยเบญจขันธ์โดยสรุป (23 เรื่อง)
เบญจขันธ์ เป็นสิ่งที่ควรรอบรู้
มูลฐานแห่งการบัญญัติเบญจขันธ์ (แต่ละขันธ์)
เบญจขันธ์ เป็นที่บัญญัติกฎแห่งสังขตะ
การถูกตราหน้า เพราะอนุสัยในเบญจขันธ์
การถูกตราหน้า เพราะตายตามเบญจขันธ์
สัญโญชน์และที่ตั้งแห่งสัญโญชน์
ความลับของเบญจขันธ์
เบญจขันธ์ เนื่องด้วยปัจจัยแห่งความเศร้าหมองและบริสุทธิ์
เบญจขันธ์ เป็นธรรมฝ่ายที่แตกสลายได้
เบญจขันธ์ ไม่เที่ยง
เหตุปัจจัยของเบญจขันธ์ ก็ไม่เที่ยง
เบญจขันธ์เป็นทุกข์
เหตุปัจจัยของเบญจขันธ์ ก็เป็นทุกข์
เบญจขันธ์ เป็นอนัตตา
เหตุปัจจัยของเบญจขันธ์ ก็เป็นอนัตตา
เบญจขันธ์ เป็นภาระที่หนัก
เบญจขันธ์ เป็นทั้งผู้ฆ่าและผู้ตาย
เบญจขันธ์ เป็นกองถ่านเถ้ารึง
เบญจขันธ์ เป็นเครื่องผูกพันสัตว์
เรียกกันวา "สัตว" เพราะติดเบญจขันธ์
ไม่รู้จักเบญจขันธ์ ชื่อว่ามีอวิชชา
เพลินในเบญจขันธ์ เท่ากับเพลินในทุกข์
ต้องละฉันทราคะในเบญจขันธ์
นิทเทศ 3 ว่าด้วย หลักเบ็ดเตล็ดเกี่ยวกับความทุกข์
หลักที่ควรรู้ เกี่ยวกับทุกข์
ปัญจุปาทานขันธ์ เป็นทุกขอริยสัจ
ปัญจุปาทานขันธ์ เป็นทุกข์
ของแสดงลักษณะความทุกข์ (อีกปริยายหนึ่ง)
ทรงแสดงลักษณะแห่งความทุกข์ (อีกปริยายหนึ่ง)
ความเป็นทุกข์ 3 ลักษณะ
ความทุกข์ของเทวดาและมนุษย์ ตามธรรมชาติ
เป็นทุกข์ เพราะติดอยู่ในอายตนะ
ทุกข์ เพราะยึดถือสิ่งที่ยึดถือไม่ได้
ทุกข์ คือกระแสการปรุงแต่งทางจิต (ไม่มีบุคคลผู้ทุกข์)
ไม่พ้นทุกข์ เพราะมัวเพลินในอายตนะ
อายตนะ 6 เป็นทุกขอริยสัจ
กลุ่มอายตนะ เป็นของร้อน
กลุ่มอายตนะ เป็นของมืด
พิษลูกศรแห่งความทุกข์ ของปุถุชน
สุขทุกข์ เนื่องจากการมีอยู่แห่งขันธ์
ประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อรอบรู้ทุกข์
ทุกชนิดปลายแถว (ทรงแสดงโดยภาษาคน)
ทุกชนิดปลายแถว (ทรงแสดงโดยภาษาธรรม)
ทุกชนิดปลายแถว (คาถาผนวกท้ายพระสูตร)
ทุกขอริยสัจ เป็นสิ่งที่ควรรอบรู้
ภาค ๒ ว่าด้วย สมุทยอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐคือเหตุให้เกิดทุกข์
นิทเทศ 4 ว่าด้วย ลักษณะแห่งตัณหา
อุทเทศแห่งสมุทยอริยสัจ
นิทเทศแห่งสมุทยอริยสัจ
นิทเทศ 4 ว่าด้วย ลักษณะแห่งตัณหา (41 เรื่อง)
ลักษณาการแห่งตัณหา
สักกายสมุทัย ไวพจน์แห่งตัณหา
เจ้าเหนือหัวของสัตว์โลก
สัญโญชน์อย่างเอก
เครื่องจูงใจสู่ภพ
พืชของภพ
เชื้องอกของพืช
ที่เกิดแห่งอุปธิ
ที่เกิดแห่งอุปาทาน
ที่เกิดแห่งอาหาร
ตัณหาโดยวิภาคแห่งอารมณ์ 6 อย่าง
ภพโดยวิภาค 3 อย่าง
ตัณหาโดยวิภาค 3 อย่าง
ลักษณะแห่งกามตัณหา
กามคุณ 5 คือบ่วง
กาม เป็นเครื่องผูก
กาม เป็นมายา
ไม่มีความเย็นในกาม
คนกล่าวคำเท็จ เพราะกาม
อิทธิพล ของกาม
เข้าไปหาความตาย เพราะกาม
ความเพลิน เป็นแดนเกิดแห่งทุกข์
เพลินกันอยู่กับอายตนะภายใน เท่ากับเพลินอยู่ในทุกข์
ความอร่อยกลางกองทุกข์ (ความลวงของกาม)
ความอร่อยที่ไม่คุ้มกับความทุกข์
กามเปรียบด้วย ท่อนกระดูก
กามเปรียบด้วย ชิ้นเนื้อคาปาก
กามเปรียบด้วย คบเพลิงทวนลม
กามเปรียบด้วย หลุมถ่านเพลิง
กามเปรียบด้วย ของในความฝัน
กามเปรียบด้วย ของยืม
กามเปรียบด้วย ผลไม้
รายละเอียดที่ควรศึกษา เกี่ยวกับกาม
ไวพจน์ ของกาม
กามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือ
ลักษณะแห่งภวตัณหา
ปัจจัยแห่งภวตัณหา
วิภาคแห่งภวตัณหา ร้อยแปด
เหตุที่ทำให้ฟังธรรมไม่รู้เรื่อง (เพราะภวตัณหา)
ภพแม้ชั่วขณะติดนิ้วมือ ก็ยังน่ารังเกียจ
วิภวตัณหา
นิทเทศ 5 ว่าด้วย ที่เกิดและการเกิดแห่งตัณหา
การเกิดขึ้นแห่งตัณหา
ฐานที่เกิดแห่งตัณหา (4 อย่าง)
ที่ตั้งอาศัยเกิดแห่งตัณหา
สืิ่งที่ต้องรู้ ต้องละ เพื่อความสิ้นทุกข์
ภาวะเป็นที่รักที่ยินดี เป็นหนามในอริยวินัย
นิทเทศ 6 ว่าด้วย อาการที่ตัณหาทำให้เกิดทุกข์
การเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์
อาการเกิดขึ้นแห่งทุกข์โดยสมบูรณ์ (สายแห่งปฏิจจสมุปบาท)
วิภาคแห่งปฏิจจสมุปบาท
ปัจจัยแห่งอวิชชา
อาการเกิดแห่งความทุกข์
อาการที่ทุกข์เกิดขึ้น จากเบญจขันธ์
อาการที่ทุกข์เกิดขึ้น เพราะยึดถือเบญจขันธ์
อาการเกิดขึ้นแห่งความทุกข์ (อีกปริยายหนึ่ง : ทรงแสดงด้วยผัสสะ)
อาการเกิดขึ้นแห่งความทุกข์ (อีกปริยายหนึ่ง : ทรงแสดงด้วยนันทิ)
อาการเกิดขึ้นแห่งความทุกข์ (อีกปริยายหนึ่ง : ทรงแสดงด้วยฉันทราคะ)
อาการเกิดขึ้นแห่งความทุกข์ (อีกปริยายหนึ่ง : ทรงแสดงด้วยอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งภพใหม่)
อาการเกิดขึ้นแห่งความทุกข์ (อีกปริยายหนึ่ง : ทรงแสดงด้วยอารมณ์เป็นที่ก้าวลงแห่งนามรูป)
อาการเกิดขึ้นแห่งความทุกข์ (อีกปริยายหนึ่ง : ทรงแสดงด้วยอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งนติ)
อาการเกิดขึ้นแห่งความทุกข์ โดยสังเขป
อาการเกิดขึ้นแห่งโลก
ความเกิดขึ้นแห่งอายตนะ นั้นคือความเกิดขึ้นแห่งทุกข์
อาการที่ทุกข์เกิดจากอาหาร
อาการที่ทุกข์เกิดขึ้น เพราะตัณหาในอายตนะภายนอก
อาการที่ทุกข์เกิดจากตัณหา
ตัณหา เป็นเชื้อแห่งการเกิด
อาสวะทำหน้าที่อย่างเดียวกับตัณหา
อาการที่สัตว์เกิดตัณหาและเกิดทุกข์
อาการที่ตัณหา (เครื่องนำไปสู่ภพใหม่) เจริญขึ้น
เห็นแก่เหยื่อจึงติดเบ็ด
ผู้แบกของหนัก
จิตที่ตัณหา เรียกว่าอยู่สองคน
จิตไม่มีตัณหา เรียกว่าอยู่คนเดียว
ทุกข์โทษที่เกิดจากกาม
ปกิณณกทุกข์ ที่มีกามตัณหาเป็นมูล
ตัณหา เป็นเหตุแห่งความโศก
ปัจจัยแห่งทุกข์ โดยเอนกปริยาย
นิทเทศ 7 ว่าด้วย ทิฏฐิที่เกี่ยวกับตัณหา
เพราะมิจฉาทิฏฐิ จึงเป็นปลาติดอวน
เกิดกิเลสและทุกข์ เพราะทิฏฐิบวก - ทิฏฐิลบ
สักกายทิฏฐิ มีได้ด้วยอาการอย่างไร
สักกายสมุทยคามินีปฏิปทา
เหตุให้เกิดอันตคาหิกทิฏฐิ 10
ทิฏฐิให้เกิดเวทนาชนิดที่ล้วนแต่เป็นทุกขสมุทัย
ความสำคัญผิด เป็นเหตุให้เกิดนันทิ (อุปาทาน)
ตัณหาเจริญ เพราะมิจฉาทิฏฐิในปิยรูป - สาตรูป
นิทเทศ 8 ว่าด้วย กิเลสทั้งหลายในฐานะสมุทัย
ละราคะโทสะโมหะ ก่อนและชาติชรามรณะ
ทุกแง่มุมที่เกี่ยวกับอกุศลมูล
ข้อควรทราบ เกี่ยวกับอกุศลมูล (หลายแง่มุม)
ไม่อาจละราคะโทสะโมหะ ก็เพราะหลงในสัญโญชนิยธรรม
สังโยชน์ 7
สังโยชน์ 7 อีกนัยหนึ่ง
สังโยชน์ 10
ลักษณะที่เป็นโอรัมภาคิยสังโยชน์
อนุสัย 3 คู่กับเวทนา 3
อนุสัย เนื่องอยู่กับเวทนา
อนุสัยทั้ง 3 เกิดได้ แม้เมื่อเสวยทุกขเวทนา
รายะละเอียดที่ควรศึกษา เกี่ยวกับอาสวะ
เหตุให้อาสวะเจริญและไม่เจริญ
เหตุให้ไม่ปรินิพพานในทิฏฐธรรม
บุคคลผู้ถึงซึ่งอวิชชา
อวิชชา ของผู้ถึงซึ่งอวิชชา
ทุกขสมุทยอริยสัจ เป็นสิ่งที่ควรละ
ภาค ๓ ว่าด้วย นิโรธอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐคือความดับไม่เหลือแห่งทุกข์
นิทเทศ 9 ว่าด้วย ความดับแห่งตัณหา
อุทเทศแห่งนิโรธอริยสัจ
นิทเทศแห่งนิโรธอริยสัจ
ที่ละไปดับไป แห่งตัณหา
ความดับทุกข์มี เพราะความดับแห่งนันทิ
ลูกโซ่แห่งความดับทุกข์
พ้นทุกข์ เพราะไม่เพลินในธาตุ
ความหมายของคำว่า "ความดับ"
ความดับของรูปขันธ์ คือความดับของทุกข์
ความดับของเวทนาขันธ์ คือความดับของทุกข์
ความดับของสัญญาขันธ์ คือความดับของทุกข์
ความดับของสังขารขันธ์ คือความดับของทุกข์
ความดับของวิญญาณขันธ์ คือความดับของทุกข์
ความดับของเบญจขันธ์ คือความดับของทุกข์
ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้
ละกิเลสตัณหาได้ คือละเบญจขันธ์ได้
ละฉันทราคะแห่งสิ่งใด ก็คือการละซึ่งสิ่งนั้น
ความสิ้นตัณหา คือนิพพาน
ที่สุดของพรหมจรรย์ คือนิพพาน
ความไม่เพลินในอาตยนะ คือความหลุดพ้นจากทุกข์
หลุดพ้นจากทุกข์ เพราะไม่เพลิดเพลินในเบญจขันธ์
ความดับของอายตนะ คือความดับของทุกข์
ความรู้ที่ถึงขั้นทำลายตัณหาแห่งกามคุณในอดีต
ความปลอดจากกามโยคะ
ความปลอดจากภวโยคะ
ความปลอดจากทิฏฐิโยคะ
ความปลอดจากอวิชชาโยคะ
เครื่องกีดขวางการละสังโยชน์
ประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด
เห็นโลก ก็เห็นเหมือนเห็นฟองนำ้และพยับแดด
เห็นโลก ชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา
การดับทุกข์สิ้นเชิง ไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธีแม้กระทั่ง วิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ
นิทเทศ 10 ว่าด้วย ธรรมเป็นที่ดับแห่งตัณหา
ทิฏฐทัสสนะที่เป็นไปเพื่อทุกขนิโรธ
"ที่" ซึ่งนามรูปดับไม่มีเหลือ
"ที่" ซึ่งธาตุ 4 หยั่งลงไม่ถึง
ที่เที่ยวนอกโลก
สิ่งที่ไม่ปรุง
"สิ่งนั้น" หาพบในกายนี้
อาณาจักรแห่งโลกอุดร
เมื่อ "เธอ" ไม่มี !
สิ่งที่ไม่เต็มขึ้นหรือพร่องลง
ตรงกันข้ามไปเสียทุกอย่าง
ที่สุดแห่งทุกข์
สิ่งนั้นมีแน่ !
ธรรมที่ชื่อว่า "นิพพาน"
นิพพานธาตุ
ลักษณะแห่งนิพพานธาตุ 2 ชนิด
ก. สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ
ข. อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ
(คาถาผนวกท้ายพระสูตร)
(ถ้อยคำในพากย์พาลีแห่งคาถาผนวกท้ายพระสูตร)
อสังขตลักษณะ 3 อย่าง
ความดับเย็นของเวทนามีได้ แม้ในทิฏฐธรรมนี้
นิพพาน คือ วิราคธรรม
ไวพจนของนิพพาน (32 คำ)
นิพพานอธิวจนะ
ยาถ่ายและยาสำรอกความเกิด - แก่ - ตาย
ธรรมเป็นเครื่องถอนอัสมิมานะในปัจจุบัน
สมาธิที่มีผลเป็นความไม่มีอหังการะมมังการะมานานุสัย
นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
นิพพานเห็นได้ยากยิ่ง
พอนิพพานธรรมปรากฏ ก็หมดสงสัย
นิพพาน เป็นที่มุ่งแสวงของผู้มองเห็นโทษในโลก
เพราะมีสิ่งที่ไม่ตาย สิ่งที่ตาจึงมีทางออก
ไม่ถึงนิพพาน เพราะพลัดออกนอกทางจนหลงทาง
นิพพานของคนตาบอด (มิจฉาทิฏฐิ)
ไม่นิพพาน เพราะยึดถือธรรมที่ได้บรรลุ
การทำรถให้แล่นไปได้ถึงนิพพาน
ถ้ายังมีเชื้อ ก็ยังไม่ปรินิพพาน
ถ้าหมดเชื้อ ก็ปรินิพพาน
นิพพานที่เห็นได้เอง (เมื่อบุคคลนั้นรู้สึกต่อความสิ้นราคะ - โทสะ - โมหะ)
นิพพานที่เห็นได้เอง ตามคำของพระอานนท์
หมด "อาหาร" ก็นิพพาน
อาสวกขยาญาณ เป็นเครื่องให้พ้นจากอาสวะ
ปริญญาที่แท้จริง
วิโมกข์ 2 ระดับ : สมยวิโมกข์ - อสมยวิโมกข์
ก. สมยวิโมกข์
ข. อสมยวิโมกข์
ธรรมที่สมควรแก่การหลุดพ้นจากทุกข์
นิสสารณิยธาตุ ที่ทำความง่ายให้แก่การละตัณหา
ธรรมธาตุต่างๆ ที่เป็นผลของสมถวิปัสสนาอันดับสุดท้าย (อภิญญา 6)
ปุพเพนิวาสานุสสติญาณที่แท้จริง (ซึ่งไม่เป็นสัสสตทิฏฐิ)
อริยวิโมกข์ คืออมตธรรม
บริษัทเลิศ เพราะสนใจโลกุตตรสุญญตา (ทางแห่งนิโรธ)
นิพพาน เพราะไม่ยึดถือธรรมที่ได้บรรลุ
ปรินิพพานในทิฏฐธรรม ด้วยการตัดอกุศลมูล
ปรินิพพานเฉพาะตน ผลแห่งการถอนความมั่นหมายในธรรมทั้งปวงโดยความหมาย 4 สถาน
หยุดถือมั่น - หยุดหวั่นไหว
ความไม่สะดุ้งหวาดเสียว เพราะไม่มีอุปาทาน
ความไม่สะดุ้งหวาดเสียว เพราะไม่มีอุปาทาน (อีกนัยหนึ่ง)
ลำดับแห่งโลกิยสุข (ซึ่งยังไม่ถึงนิพพาน)
ธรรมเป็นที่ดับตามลำดับ (ซึ่งยังไม่ถึงนิพพาน) (: อนุปุพพนิโรธ - อนุปุพพวิหาร - อนุปุพพวิหารสมาบัติ)
ก. อนุปุพพนิโรธ 9
ข. อนุปุพพวิหาร 9
ค. อนุปุพพวิหารสมาบัติ 9
อนุปุพพวิหารอาพาธ
ปัญญาสติกบนามรูปดับ เพราะวิญญาณดับ
เห็นโลกมีค่าเท่าเศษหญ้าเศษไม้
หมดกลม - หยุดหมุน
คนดำหรือคนขาว ล้วนมีหวังในนิพพาน
วิมุตติ ไม่มีความต่างกันตามวรรณะของผู้ปฏิบัติ
อริยโลกุตตรธรรม สำหรับคนทุกคนทุกวรรณะ
นิทเทศ 11 ว่าด้วย ผู้ดับตัณหา
ปุถุชน คือ ผู้ยึดถือเต็มที่
พระเสขะ คือ ผู้กำลังจะไม่ยึดถือ
ปุถุชน คือ ผู้ที่ยังไม่รู้จักนิพพาน
พระเสขะ คือ ผู้ที่กำลังจะรู้จักนิพพาน
พระอเสขะ คือ ผู้ที่หมดความยึดถือในทุกสิ่ง
พระอเสขะ คือ ผู้ที่ไม่ยึดถือแม้ในนิพพาน
ไตรสิกขา ของพระอเสขะ
ธรรมขันธ์ ของพระอเสขะ
สัมมัตตะ 10 ของพระอเสขะ
องค์แห่งความเป็นพระสขะและพระอเสขะ
นิทเทศแห่งไตรสิกขา เพื่อเปรียบเทียบ
เปรียบเทียบพระเสขะ - อเสขะ
ความลดหลั่นแห่งพระอริยบุคคลผู้ปฏิบัติอย่างเดียวกัน
การรู้เบญจขันธ์ โดยหลักแห่งอริยสัจ 4
การรู้ปัญจุปาทานขันธ์ โดยธรรมลักษณะ 5
ผู้ละราคะ - โทสะ - โมหะ ระดับโสดาบัน
พระโสดาบัน รู้จักปัญจุปาทานขันธ์
พระโสดาบัน เป็นใครกัน ?
หลักเกณฑ์พยากรณ์ภาวะโสดาบันของตนเอง
แว่นส่องความเป็นพระโสดาบัน
ผู้สมบูรณ์ด้วยทิฏฐิโดยธรรมชาติ (สิ่งที่ผู้สมบูรณ์ด้วยทิฏฐิ - ทำไม่ได้ โดยธรรมชาติ)
ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ (อภัพพฐานสำหรับผู้ที่ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ)
ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ (อภัพพฐานสำหรับผู้ที่ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ อีกนัยหนึ่ง)
ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ (อภัพพฐานสำหรับผู้ที่ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ อีกนัยหนึ่ง)
ผู้สิ้นความสงสัย (พระโสดาบัน)
ผู้มีธรรมญาณและอันวยญาณ (พระโสดาบัน)
พระโสดาบัน รู้จักอินทรีย์ 6
พระโสดาบันกับพระอรหันต์ต่างกัน ในการเห็นธรรม
พระโสดาบันกับพระอรหันต์ต่างกัน ในการเห็นธรรม (อีกนัยหนึ่ง)
ผู้รวมอยู่ในกลุ่มโสดาบัน 3 จำพวก
ก. สัทธานุสารี
ข. ธัมมานุสารี
ค. โสตาปันนะ
ความเป็นพระโสดาบัน ไม่อาจแปรปรวน
ความเป็นโสดาบัน ประเสริฐกว่าเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
ผลแห่งความเป็นโสดาบัน
พระอริยบุคคลละสังโยชน์ได้ต่างกัน
พระอริยบุคคลผู้ต้องใช้สังขารธรรมต่างกัน 4 ประเภท
ก. ผู้ทิฏเฐวธัมเมสสังขารปรินิพพายี
ข. ผู้กายัสสเภทาสสังขารปรินิพพายี
ค. ผู้ทิฏเฐวธัมเมอสังขารปรินิพพายี
ง. ผู้กายัสสเภทาอสังขารปรินิพพายี
อุปมาการฝึกช้างศึก ด้วยการฝึกตนของอริยสาวก
บุคคลที่มีเชื้อเหลือ 9 จำพวก
พระอรหันต์รู้จักปัญจุปาทานักขันธ์ชัดแจ้งแล้วหลุดพ้น
บุคคลผู้บรรลุอนุปาทาปรินิพพาน
พระอรหันต์คือผู้เป็น อเสขะ
ลักษณะทั่วไปของความเป็นพระอรหันต์
ธรรมเป็นเครื่องอยู่ของพระอริยเจ้า (อริยวาส)
ผู้มีคุณลักษณะพิเศษของพระอรหันต์
พระอรหันต์มีคุณลักษณะที่น่าสนใจ
พระอรหันต์เลิศกว่าภวัคคพรหม
ผู้ข้ามพ้นกามโลก รูปโลก อรูปโลก ยังไม่ชื่อว่าข้ามพ้นโลก (จนกว่าจะลุอนาสวสัญญาเวทยิตนิโรธ)
พระอรหันต์คือผู้เป็นเกพลี (จบพรหมจรรย์แล้ว อยู่โดยปราศจากธรรม 5 แต่ถึงพร้อมด้วยธรรม 5)
ผู้เป็นเกพลีบุคคล ในพุทธศาสนา
มีศีลงาม - ธรรมงาม - ปัญญางาม ก็เป็นเกพลี !
ผู้ละอาสวะนานาแบบ
ก. อาสวะส่วนที่ละได้ด้วยการเห็น
ข. อาสวะส่วนที่ละได้ด้วยการสำรวม
ค. อาสวะส่วนที่ละได้ด้วยการเสพ
ง. อาสวะส่วนที่ละได้ด้วยการอดกลั้น
จ. อาสวะส่วนที่ละได้ด้วยการเว้น
ฉ. อาสวะส่วนที่ละได้ด้วยการบรรเทา
ช. อาสวะส่วนที่ละได้ด้วยการเจริญทำให้มาก
ซ. ผลแห่งการปิดกั้นอาสวะทั้งปวงโดย 7 วิธี
ผู้พ้นพิเศษเพราะความสิ้นตัณหา
ผู้อาบแล้วด้วยเครื่องอาบ (หลุดพ้นได้เพราะการรู้ออกจากสัญญาคตะทั้ง 3)
ผู้ไม่เป็นทั้งฝ่ายรับและฝ่ายค้าน (ดับกิเลสและทุกข์เพราะออกเสียได้จากทิฏฐิบวก - ทิฏฐิลบ)
ผู้ถอนรากแห่งความรักและความเกลียดได้แล้ว (เมื่อวิมุตติถอนรากความรัก-เกลียด ตามธรรมชาติแล้ว) (มีผล 5 นัย)
ก. ผู้ไม่ถือตัว (น อุสฺเสเนติ)
ข. ผู้ไม่ตอบโต้ (น ปฏิสฺเสเนติ)
ค. ผู้ไม่อัดควัน (น ธูปายติ)
ฆ. ผู้ไม่ลุกโพลง (น ปชฺชลติ)
ง. ผู้ไม่ไหม้เกรียม (น ปชฺฌายติ)
ผู้ลอกคราบทิ้งแล้ว
ผู้ไม่สำคัญมั่นหมายแล้วไม่เกิดนันทิ (อุปาทาน)
ผู้ปฏิบัติเปรียบด้วยนักรบผู้เชี่ยวชาญการยิงศร
ผู้หลุดพ้นแล้วมีอุปมา 5 อย่าง
ผู้รอดไปได้ไม่ตายกลางทาง
ผู้ตายคาประตูนิพพาน
ผู้หลุดพ้นได้เพราะไม่ยึดมั่นถือมั่น
ผู้กำลังโน้มเอียงไปสู่นิพพาน
ผู้ปฏิบัติเพื่อความดับเย็นเป็นนิพพาน
ผู้รู้ความลับของปิยรูป-สาตรูป
ผู้มีจิตอันหาขอบเขตมิได้
ความรู้สึกในใจของผู้ชนะตัณหาได้
พระอริยบุคคล มีอันดับ 7
1. ผู้อุภโตภาควิมุตต์
ผู้อุภโตภาควิมุตต์โดยสมบูรณ์
ผู้อุภโตภาควิมุตต์ (ตามคำของพระอานนท์)
2. ผู้ปัญญาวิมุตต์
ผู้ปัญญาวิมุตต์ (อีกนัยหนึ่ง)
ผู้ปัญญาวิมุตต์ (ตามคำของพระอานนท์)
3. ผู้กายสักขี
ผู้กายสักขี (ตามคำของพระอานนท์)
4. ผู้ทิฏฐิปปัตต์
5. ผู้สัทธาวิมุตต์
6. ผู้ธัมมานุสารี
7. ผู้สัทธานุสารี
ผู้อนิมิตตวิหารี
ผู้มีสันทิฏฐิกธรรม ตามคำของพระอานนท์
ผู้นิพพาน ตามคำของพระอานนท์ และผู้ปรินิพพาน ตามคำของพระอานนท์
ผู้มีทิฏฐธรรมนิพพาน ตามคำของพระอานนท์
ผู้เขมัปปัตต์ ตามคำของพระอานนท์
ตทังคนิพพุโต - ผู้ดับเย็นด้วยองค์นั้นๆ
ผู้มีตทังคนิพพาน ตามคำของพระอานนท์
หมดตัวตน ก็หมดเรื่องผูกพัน
หมดตัวตน ก็หมดอหังการ
สัญญาที่เป็นส่วนประกอบแห่งวิชชา
บุคคลผู้ถึงซึ่งวิชชา
วิชชาของผู้ถึงซึ่งวิชชา
ผู้รับผลของการปฏิบัติเกี่ยวกับธาตุ 4
ผู้ไม่กลืนเบ็ดของมาร
ผู้ไม่เข้าไปหาย่อมหลุดพ้น
ผู้ลวงมัจจุราชให้หลง
วิมุตติต่างกันแต่เป็นผลของการปฏิบัติอย่างเดียวกัน
พระอริยบุคคลมีหลายระดับ เพราะอินทรีย์ยิ่งหย่อนกว่ากัน
การเป็นพระอริยเจ้าไม่ใช่สิ่งสุดวิสัย
กายนครที่ปลอดภัย
ผู้ไม่มีหนามยอกตำ
ผู้อยู่คนเดียว คือผู้ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งปวง
กายของผู้ที่สิ้นตัณหาแล้วก็ยังตั้งอยู่ชั่วขณะ (นิโรธมิใช่ความตาย)
พระอรหันต์ตายแล้วสูญหรือ ?
หลักการทดสอบตัวเองว่าเป็นอรหันต์หรือไม่
คำถามที่อาจใช้ทดสอบความเป็นอรหันต์ (มี 6 หมวด)
(หมวด 1 : โวหาร 4)
(หมวด 2 : ปัญจุปาทานขันธ์)
(หมวด 3 : ธาตุ 6)
(หมวด 4-5 : อายตนะใน - นอก)
(หมวด 6 : การถอนอนุสัย)
สมณะ 4 ประเภท
สมณะ 4 ประเภท (อีกนัยหนึ่ง)
สมณะ 4 ประเภท (อีกนัยหนึ่ง)
สมณะ 4 ประเภท (อีกนัยหนึ่ง)
สมณะ 4 ประเภท (อีกนัยหนึ่ง)
สมณะแห่งลัทธิหนึ่งๆ ต่างจากสมณะแห่งลัทธิอื่น ระบบลัทธิพรหมจรรย์จึงไม่เหมือนกัน)
ไม่อาจจะกล่าวว่าใครดีกว่าใคร เพราะอาศัยเหตุสักว่าชื่อ (หมวดของอริยบุคคล)
ผู้บอกทางและผู้เดินทางมีการหลุดพ้นอย่างเดียวกัน
ฝีเท้าไว วัดด้วยการรู้อริยสัจ
ผู้รู้จักเลือกเอาฝ่ายดับไม่เหลือแห่งภพ
ผู้อยู่อย่างคนมีสุข ก็ทำวิราคะให้ปรากฏได้
ระดับต่างๆ แห่งบุคคลผู้ถอนตัวขึ้นจากทุกข์
นิทเทศ 12 ว่าด้วย อาการดับแห่งตัณหา
อาการดับแห่งโลก
อาการดับแห่งความทุกข์
อาการดับแห่งทุกข์ โดยสังเขปที่สุด
อาการดับแห่งทุกข์ โดยสังเขป
อาการดับแห่งทุกข์ โดยสมบูรณ์
อาการดับแห่งความทุกข์ (อีกปริยายหนึ่ง)
อาการดับแห่งความทุกข์ (อีกปริยายหนึ่ง)
อาการดับแห่งความทุกข์ (อีกปริยายหนึ่ง)
อาการดับแห่งความทุกข์ (อีกปริยายหนึ่ง)
อาการดับแห่งความทุกข์ (อีกปริยายหนึ่ง)
เหตุดับแห่งทุกข์ ที่ตรัสไว้โดยอเนกปริยาย
ลักษณะการแห่งการรู้อริยสัจและการสิ้นอาสวะจบพรหมจรรย์
ลักษณะของการดับแห่งทุกข์
ลักษณะของการดับแห่งทุกข์ (อีกปริยายหนึ่ง)
ลักษณะของการดับแห่งทุกข์ (อีกปริยายหนึ่ง)
ลักษณะของการดับแห่งทุกข์ (อีกปริยายหนึ่ง)
อาการแห่งบุคคลผู้หลุดพ้น
อาการดับแห่งตัณหาในนามแห่งนันทิ
สักกายนิโรธ
อาการแห่งการละอวิชชา โดยย่อ
กระแสการปรุงแต่งแห่งการเกิดวิมุตติญาณทัสสนะ
การปรินิพพานในทิฏฐธรรม
การปรินิพพานในทิฏฐธรรม (อีกปริยายหนึ่ง)
การปรินิพพานในทิฏฐธรรม (อีกปริยายหนึ่ง)
ลักษณะแห่งจิตที่หลุดพ้นด้วยดี
ลักษณะแห่งจิตที่หลุดพ้นด้วยดี (อีกนัยหนึ่ง)
ลักษณะแห่งจิตที่หลุดพ้นด้วยดี (อีกนัยหนึ่ง)
ลักษณะแห่งจิตที่หลุดพ้นด้วยดี (อีกนัยหนึ่ง)
ลักษณะแห่งจิตที่หลุดพ้นด้วยดี (อีกนัยหนึ่ง)
ลักษณะแห่งจิตที่หลุดพ้นด้วยดี (อีกนัยหนึ่ง)
ลำดับการหลุดพ้นโดยละเอียด เมื่อเห็นอนัตตา
ทางให้ถึงความหลุดพ้น 5 ทาง
รู้จักอุปาทาน ต่อเมื่อหมดอุปาทาน
อาสวะสิ้นไป เพราะการกำจัดสมารัมภะและอวิชชา
พอรู้เรื่องการร้อยรัด ก็สามารถทำที่สุดทุกข์
ลักษณะแห่งการถึงที่สุดทุกข์
ลำดับแห่งการดับของสังขาร (อนุปุพพสังขารนิโรธ)
จิตหยั่งลงสู่อมตะ เมื่อประกอบด้วยสัญญาอันเหมาะสม
บรรลุอรหันต์ โดยละมัญญนะ 6 ชนิด
ขั้นตอนอันจำกัด แห่งปัจจัยของการละกาม - รูป - อรูปราคะ
ละราคะ โทสะ โมหะได้ เพราะไม่หลงในสัญโญชนิยธรรม
ภาวะแห่งความสิ้นตัวตนและสิ้นโลก
สิ้นกิเลสก็แล้วกัน ไม่ต้องรู้ว่าสิ้นไปเท่าไร
เมื่อสังโยชน์เหมือนเครื่องหวายสิ้นอายุ
ฟองไข่ออกเป็นตัว มิใช่โดยเจตนาของแม่ไก่ (เหมือนอาสวะสิ้นเอง เมื่อปฏิบัติชอบ)
ผลสูงต่ำแห่งการปฏิบัติ ตามที่อาจทำให้เกิดขึ้น
อานิสงส์ ตามลำดับการเกิดแห่งธรรมโดยไม่ต้องเจตนา (จากศีลถึงวิมุตติ)
สัญญาในอุปาทานระงับไป เมื่ออารมณ์แห่งสัญญานั้นเป็นวิภูตะ
อนุสัยทั้ง 3 ไม่เกิดแก่อริยสาวก แม้เมื่อเสวยทุกขเวทนา
การไม่เกิดอนุสัย 3 เมื่อเสวยเวทนา 3 แล้วดับเย็น
อาการที่ตัณหาไม่นำไปสู่ภพใหม่ ให้เกิดผลพิเศษอีกนานาประการ
การออกไปเสีย จากทางเดินแห่งจิตของสัตว์ปุถุชน
การละความผูกพันในความสุขทุกชั้น
ก. สุขที่ควรกลัว
ข. สุขที่ไม่ควรกลัว
ค. สุขที่ยังหวั่นไหวและไม่หวั่นไหว
ง. การละความผูกพันในรูปฌานและอรูปฌาน
การละทิฏฐิด้วยอนุปัสสนาญาณในอารมณ์ของทิฏฐินั้นๆ
อนุสัย 7 สลาย เมื่อขาดความยึดมั่นในอารมณ์แห่งปปัญจสัญญา
ลำดับปัจจัยแห่งการกระทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน
วิธีการบ่มวิมุตติให้ถึงที่สุด
สติปัฏฐานบริบูรณ์ เพราะอานาปานสติบริบูรณ์
(หมวดกายานุปัสสนา)
(หมวดเวทนานุปัสสนา)
(หมวดจิตตานุปัสสนา)
(หมวดธัมมานุปัสสนา)
โพชฌงค์ 7 บริบูรณ์ เพราะสติปัฏฐานบริบูรณ์
(โพชฌงค์ 7 หมวดกายาฯ)
(โพชฌงค์ 7 หมวดเวทนาฯ)
(โพชฌงค์ 7 หมวดจิตตาฯ)
(โพชฌงค์ 7 หมวดธัมมาฯ)
วิชชา - วิมุตติบริบูรณ์ เพราะโพชฌงค์บริบูรณ์
นิโรธอริยสัจ (อีกนัยหนึ่ง)
นิโรธอริยสัจ เป็นสิ่งที่ควรทำให้แจ้ง
ภาค ๔ ว่าด้วย มัคคอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐคือมรรค
นิทเทศ 13 ว่าด้วย ข้อความนำมรรค
อุทเทศมัคคอริยสัจ
หมวด ก. ว่าด้วยอุทเทศ - นิทเทศของมรรค
อุทเทศแห่งทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ
นิทเทศแห่งทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ
หมวด ข. ว่าด้วยอันตะ 2 จากมรรค
ข้าศึกของมัชฌิมาปฏิปทา (อัฏฐังคิกมรรค)
อีกนัยหนึ่ง (ตามบาลีอรณวิภังคสูตรมัชฌิมนิกาย)
อีกนัยหนึ่ง (ตามบาลี ติก. อํ.)
ลักษณะอีกปริยายหนึ่ง แห่งกามสุขัลลิกานุโยค
สิ่งที่เรียกว่า กามคุณและกามสุข
สุขัลลิกานุโยค 2 แบบ
ก. สุขัลลิกานุโยค ของมิจฉาทิฏฐิ
ข. สุขัลลิกานุโยค ของสัมมาทิฏฐิ
ผลแห่งสุขัลลิกานุโยคของสัมมาทิฏฐิ
ตโปชิคุจฉิวัตร เปรียบเสมือนการขี่ขอนสดท่อนกลมข้ามแม่น้ำ
หมวด ค. ว่าด้วยลักษณะของมรรค
อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะเป็นทางแห่งอมตะ
อัฏฐังคิกมรรค มีกระแสไหลไปสู่นิพพาน
อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะหนทางให้ถึงจุดหมาย
อัฏฐังคิกมรรค ทำหน้าที่เสมือนหนึ่งเสวียนรองก้นหม้อ
อัฏฐังคิกมรรค เป็นยอดแห่งสังขตธรรมทั้งปวง
อัฏฐังคิกมรรค คือ หนทางเก่าที่ทรงพบใหม่
อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะเป็นหนทางแห่งการกำหนดรู้ทุกข์
มัชฌิมาปฏิปทาในฐานะเหตุให้เกิดจักษุและญาณเพื่อนิพพาน
มัชฌิมาปฏิปทา 3 ลำดับ
ก. มัชฌิมาปฏิปทา (พื้นฐานทั่วไป)
ข. มัชฌิมาปฏิปทา (ในความหมายชั้นกว้าง)
ค. มัชฌิมาปฏิปทา (ในความหมายชั้นลึก)
ลักษณะหนทางแห่งความหมดจด
ลำดับการปฏิบัติ เพื่ออรหัตตผล
หมวด ง. ว่าด้วยเหตุปัจจัยของมรรค
ธรรมเป็นรุ่งอรุณแห่งอัฏฐังคิกมรรค
อัฏฐังคิกมรรค สำเร็จได้ด้วยอัปปมาทยอดแห่งกุศลธรรม
หมวด จ. ว่าด้วยอานิสงส์ของมรรค
อัฏฐังคิกมรรค เป็นปฏิปทาเพื่อความเป็นอริยบุคคล 4
อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะธรรมเครื่องข้ามฝั่ง
อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะพรหมจรรย์
อริยอัฏฐังคิกมรรค เป็นกรรมอันเป็นที่สิ้นกรรม
อานิสงส์พิเศษแห่งอัฏฐังคิกมรรค (ทำให้รู้จักพระศาสดาอย่างถูกต้อง)
หมวด ฉ. ว่าด้วยปกิณณกะ
อัฏฐังคิกมรรค กับนิพพาน
โพชฌงค์ ในฐานะเป็นมรรค
ปรารภโพชฌงค์แล้ว มรรคก็เป็นอันปรารภด้วย
ปรารภสติปัฏฐานแล้ว มรรคก็เป็นอันปรารภด้วย
อุทเทส และ นิทเทส แห่งอัฏฐังคิกมรรคแต่ละองค์
นิทเทศ 14 ว่าด้วย สัมมาทิฏฐิ
หมวด ก. ว่าด้วยอุทเทศ - วิภาค ของสัมมาทิฏฐิ
อุทเทศแห่งสัมมาทิฏฐิ
สัมมาทิฏฐิ โดยปริยาย 2 อย่าง (โลกิยะ - โลกุตตระ)
หมวด ข. ว่าด้วยลักษณะ - อุปมา - ไวพจน์ ของสัมมาทิฏฐิ
ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ
ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง : ระดับสูงสุด)
สัมมาทิฏฐิโลกุตตระ นานาแบบ (ตามคำพระสารีบุตร)
ก. หมวดเนื่องด้วยกุศล - อกุศล
ข. หมวดเนื่องด้วยอาหาร 4
ค. หมวดเนื่องด้วยอริยสัจ 4
ง. หมวดเนื่องด้วยปฏิจจสมุปปันนธรรม ตามหลักปฏิจจสมุปบาท
ง.1 เกี่ยวกับชรามรณะ
ง.2 เกี่ยวกับชาติ
ง.3 เกี่ยวกับภพ
ง.4 เกี่ยวกับอุปาทาน
ง.5 เกี่ยวกับตัณหา
ง.6 เกี่ยวกับเวทนา
ง.7 เกี่ยวกับผัสสะ
ง.8 เกี่ยวกับสฬายตนะ
ง.9 เกี่ยวกับนามรูป
ง.10 เกี่ยวกับวิญญาณ
ง.11 เกี่ยวกับสังขาร
ง.12 เกี่ยวกับอวิชชา
ง.13 เกี่ยวกับอาสวะ
สัมมาทิฎฐิ เป็นรุ่งอรุณแห่งกุศลธรรม
สัมมาทิฎฐิ เป็นรุ่งอรุณแห่งการรู้อริยสัจ 4
สัมมาทิฎฐิ ควรจะรวมไปถึงการสำนึกบาป
อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว
ทิ้งเสียนั่นแหละ กลับจะเป็นประโยชน์
ฆ่ากิเลส อย่าฆ่าคน
วิชชา เป็นตัวชักนำมาซึ่งองค์แปดแห่งสัมมามรรค
ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชชา
หมวด ค. ว่าด้วยอุปกรณ์ - เหตุปัจจัย ของสัมมาทิฏฐิ
ความกลัว เป็นเหตุแห่งสัมมาทิฏฐิ (ชนิดโลกิยะ)
อริยสัจ 4 เป็นอารมณ์แห่งนิพเพธิกปัญญา
ธรรมเป็นเครื่องเจริญแห่งปัญญา ฯลฯ
เหตุที่ทำให้แสวงหานิพพาน
ฌาน (ที่มีสัญญา) ใช้เป็นฐานแห่งวิปัสสนาได้ลงตัวเอง
เหตุให้เกิดและเจริญ แห่งอาทิพรหมจริยิกปัญญา
ขั้นตอนจำกัด แห่งปัจจัยของปัญญาขันธ์
สิ่งสงเคราะห์สัมมาทิฏฐิให้ออกผล
เหตุปัจจัยแห่งวิชชาและวิมุตติ
สัญญาเกิดก่อนญาณ
การทำสมาธิ มีเคล็ดลับเหมือนแม่โคเป็นภูเขาลาดชัน
อนิจจสัญญาเป็นไปโดยสะดวก เมื่อผู้เจริญมุ่งอานิสงส์ 6 ประการ
ทุกขสัญญาเป็นไปโดยสะดวก เมื่อผู้เจริญมุ่งอานิสงส์ 6 ประการ
อนัตตสัญญาเป็นไปโดยสะดวก เมื่อผู้เจริญมุ่งอานิสงส์ 6 ประการ
สิ่งทั้งปวงที่ต้องรู้จัก เพื่อความสิ้นทุกข์
ต้นเหตุแห่งมิจฉาทิฏฐิ - สัมมาทิฏฐิ
หมวด ง. ว่าด้วยหลักการปฏิบัติของสัมมาทิฏฐิ
รู้เวทนาเพื่อดับเสียได้ ดีกว่ารู้เพื่อเป็นปัจจัยแก่ตัณหา
อัสสาทะ - อาทีนวะ - นิสรณะ ของกาม
อัสสาทะ - อาทีนวะ - นิสสรณะ ของรูปกาย
อัสสาทะ - อาทีนวะ - นิสสรณะ ของเวทนา
การทำให้เกิดสัมมาทิฏฐิ เมื่อมีปัญหาระหว่างลัทธิ
การเห็นกายและเวทนา ในระดับแห่งผู้หลุดพ้น
สัมมาทิฏฐิในการเจริญธรรม 3 เพื่อละธรรม 3
สัมมาทิฏฐิในการเจริญธรรม 3 เพื่อละธรรม 3 (อีกนัยหนึ่ง)
สัมมาทิฏฐิในการเจริญธรรม 3 เพื่อละธรรม 3 (อีกนัยหนึ่ง)
สัมมาทิฏฐิในการเจริญธรรม 3 เพื่อละธรรม 3 (อีกนัยหนึ่ง)
ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับธาตุ 5
สัมมาทิฏฐิในอาเนญชสัปปายปฏิปทา
ข้อที่ 1
ข้อที่ 2
ข้อที่ 3
สัมมาทิฏฐิในอากิญจัญญาตนสัปปายปฏิปทา
ข้อที่ 1
ข้อที่ 2
ข้อที่ 3
สัมมาทิฏฐิในเนวสัญญานาสัญญายตนะสัปปายปฏิปทา
สัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ
อริยวิโมกข์ หรือโอฆนิตถรณะ
วิธีพิจารณาเพื่อ "หมดปัญหา" เกี่ยวกับอาหาร
วิธีพิจารณาธรรมในภายใน เพื่อความสิ้นทุกข์
การพิจารณาเพื่อความสิ้นแห่งแดนเกิดของทุกขสมุทัย
หมวด จ. ว่าด้วยอานิสงส์ของสัมมาทิฏฐิ
การเห็นชนิดที่ละมิจฉาทิฏฐิได้
การเห็นชนิดที่ละสักกายทิฏฐิได้
การเห็นชนิดที่ละอัตตานุทิฏฐิได้
การเห็นชนิดที่ละมิจฉาทิฏฐิที่ปรารภอัตตาและโลก
การเห็นไตรลักษณ์ เป็นทางแห่งความหลุดพ้น
ก. ตามนัยแห่งอนัตตลักขณสูตร
ข. ตามนัยแห่งบาลีอนิจจวรรค สฬายตนสังยุตต์
ค. ตามนัยแห่งธัมมปทบาลี
ความสะดวกสบายแก่การดับของกิเลส (นิพพาน)
การรู้จักแสวงหาของมนุษย์
ก. การแสวงหาที่ไม่ประเสริฐ
ข. การแสวงหาที่ประเสริฐ
อุบายเครื่องสิ้นตัณหา โดยสังเขป
ความถูกต้องเกี่ยวกับความรู้นึกว่าปฏิกูลหรือไม่ปฏิกูล
ภิกษุมิได้เจริญภาวนา เพื่อได้รูปทิพย์เสียงทิพย์
การเห็นความปฏิกูลแห่งยศ - อาหาร - ความรัก - สุภะ - ผัสสะ - อุปาทาน
โลกุตตรผลมีได้ จากการตั้งจิตไว้ถูก
ความแน่ใจหลังจากการปฏิบัติ เป็นเครื่องตัดสินความผิด - ถูก
สรุปอานิสงส์ของสัมมาทิฏฐิ
หมวด ฉ. ว่าด้วยโทษของการขาดสัมมาทิฏฐิ
โทษที่เกิดจากมิจฉาทิฏฐิในการพูด
ทิฏฐิซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งการวิวาท (3 จำพวก)
มิจฉาทิฏฐิที่ว่า วิญญาณเป็นผู้ท่องเที่ยว
โทษแห่งอัตคาหิกทิฏฐิ 10
อวิชชา เป็นตัวชักนำมาซึ่งองค์ 8 แห่งมิจฉามรรค
หมวด ช. ว่าด้วยปกิณณกะ
สัสสตทิฏฐิก็อยากอยู่ อุจเฉททิฏฐิก็อยากไป สัมมาทิฏฐิก็อยากดับ
คนรวยก็มีธรรมะได้ (จิตตนิยมและวัตถุนิยมก็อยู่ด้วยกันได้)
การใช้ความทุกข์ให้เป็นประโยชน์แก่บุถุชน
ตรัสว่า ถ้าจะมีตัวตนกันบ้าง เอาร่างกายเป็นตัวตนดีกว่าจิต
การทำความรู้จักกับกาย ซึ่งมิใช่ของเราหรือของใครอื่น
อุปมาแห่งการคำนวณความเป็นอนิจจัง
รู้จักเลือก : “สังฆทานดีกว่า !”
อาการที่อวิชชาทำให้มีการเกิดดับแห่งสังขาร
รายละเอียดที่ควรเข้าใจให้ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องกรรม
เห็นผิดจากธรรมชาติ ก็ไม่อาจทำให้แจ้งมรรคผล
นิทเทศ 15 ว่าด้วย สัมมาสังกัปปะ
หมวด ก. ว่าด้วยอุทเทศ - วิภาคของสัมมาสังกัปปะ
อุทเทศแห่งสัมมาสังกัปปะ
สัมมาสังกัปปะ โดยปริยาย 2 อย่าง (โลกิยะ - โลกุตตระ)
วิตกโดยปริยาย 2 อย่าง (เพื่อนิพพาน - ไม่เพื่อนิพพาน)
บุคคลเกี่ยวกับเนกขัมมะ 4 ประเภท
หมวด ข. ว่าด้วยลักษณะของสัมมาสังกัปปะ
อริยสัจจวิตก ในฐานะสัมมาสังกัปปะ
อริยสัจจจินตนา ในฐานะสัมมาสังกัปปะ
หมวด ค. ว่าด้วยอุปกรณ์ของสัมมาสังกัปปะ
สิ่งที่ควรทราบ เกี่ยวกับอกุศลสังกัปปะ
สิ่งควรทราบ เกี่ยวกับกุศลสังกัปปะ
เนกขัมมะแท้มีได้ เพราะได้รู้ของสิ่งที่ประเสริฐกว่ากามรส
หมวด ง. ว่าด้วยหลักการปฏิบัติของสัมมาสังกัปปะ
วิธีพิจารณา เพื่อเกิดสัมมาสังกัปปะ
ก. โทษแห่งมิจฉาสังกัปปะ
ข. คุณแห่งสัมมาสังกัปปะ
อาการเกิดแห่งเนกขัมมสังกัปปะ
วิธีพิจารณา เพื่อกำจัดอกุศลวิตก ตามลำดับ
ประการที่ 1
ประการที่ 2
ประการที่ 3
ประการที่ 4
ประการที่ 5
ผลสำเร็จแห่งการกำจัดอกุศลวิตก
หน้าที่ที่มนุษย์พึงปฏิบัติต่อ "กาม" (เพื่อกำจัดกามวิตก)
หมวด จ. ว่าด้วยอานิสงส์ของสัมมาสังกัปปะ
การหลีกจากกาม เป็นบุรพภาคของพรหมจรรย์
อาการเกิดแห่งกุศลวิตก หรือสัมมาสังกัปปะ
ก. กรณีเนกขัมมวิตก
ข. กรณีอัพยาปาทวิตก
ค. กรณีวิหิงสาวิตก
สัมมาสังกัปปะ ทำให้เกิดสังฆสามัคคี
หมวด ฉ ว่าด้วยโทษของการขาดสัมมาสังกัปปะ
อาการเกิดแห่งอกุศลสังกัปปะ หรือมิจฉาสังกัปปะ
ก. กรณีกามวิตก
ข. กรณีพยาปาทวิตก
ค. กรณีวิหิงสาวิตก
หมวด ช. ว่าด้วยปกิณณกะ
ธรรมชาติของกามแห่งกามวิตก
ความไม่มีเนกขัมมวิตก ในจิตของสามัญสัตว์
นิทเทศ 16 ว่าด้วย สัมมาวาจา
หมวด ก. ว่าด้วยอุทเทศ - วิภาคของสัมมาวาจา
อุทเทศแห่งสัมมาวาจา
หลักวิธีการพูดจาที่เป็น อริยะและอนริยะ
สัมมาวาจา โดยปริยาย 2 อย่าง (โลกิยะ - โลกุตตระ)
หลักวินิจฉัยวจีกรรม 3 สถาน
หมวดที่ 1 : เมื่อจะกระทำ
หมวดที่ 2 : เมื่อกระทำอยู่
หมวดที่ 3 : เมื่อกระทำแล้ว
ข้อควรสรรเสริญหรือควรติ เกี่ยวกับสัมมาวาจา
หมวด ข. ลักษณะของสัมมาวาจา
คำไขความของสัมมาวาจา 4
สุภาษิตวาจา ในฐานะสัมมาวาจา
สุภาษิตวาจา ในฐานะสัมมาวาจา (อีกนัยหนึ่ง)
วาจาของสัตบุรุษและอสัตบุรุษ
1. วาจาของอสัตบุรุษ
2. วาจาสัตบุรุษ
3. วาจาของสะไภ้ใหม่ - สะไภ้เก่า
หลักเกณฑ์แห่งสัมมาวาจาขั้นสูงสุด
สัมมาวาจาขั้นสูงสุด (ระดับพระพุทธเจ้า)
หมวด ค. ว่าด้วยโทษของการขาดสัมมาวาจา
ตัวอย่างแห่งสัมผัปปลาปวาทระดับครูบาอาจารย์
ตัวอย่าง ประการที่ 1
ตัวอย่าง ประการที่ 2
ตัวอย่าง ประการที่ 3
ตัวอย่าง ประการที่ 4
ตัวอย่าง ประการที่ 5
วิบากแห่งมิจฉาวาจา
นิทเทศ 17 ว่าด้วย สัมมากัมมันตะ
หมวด ก. ว่าด้วยอุทเทศ - วิภาคของสัมมากัมมันตะ
อุทเทศแห่งสัมมากัมมันตะ
หลักวินิจฉัยกายกรรม 3 สถาน
หมวดที่ 1 : เมื่อจะกระทำ
หมวดที่ 2 : เมื่อกระทำอยู่
หมวดที่ 3 : เมื่อกระทำแล้ว
สัมมากัมมันตะ โดยปริยาย 2 อย่าง (โลกิยะ - โลกุตตระ)
หมวด ข. ว่าด้วยลักษณะของสัมมากัมมันตะ
คำไขความของสัมมากัมมันตะ
ลักษณะและวิบาก แห่งสัมมากัมมันตะ
หมวด ค. ว่าด้วยโทษและอานิสงส์ของสัมมากัมมันตะ
วิบากของมิจฉากัมมันตะ
กรรมที่เป็นเหตุให้ได้รับผลเป็นความกระเสือกกระสน
กรรมที่เป็นเหตุให้ได้รับผลเป็นความไม่กระเสือกกระสน
นิทเทศ 18 ว่าด้วย สัมมาอาชีวะ
หมวด ก. ว่าด้วยอุทเทศ - วิภาคของสัมมาอาชีวะ
อุทเทศแห่งสัมมาอาชีวะ
สัมมาอาชีวะ โดยปริยาย 2 อย่าง (โลกิยะ - โลกุตตระ)
หมวด ข. ว่าด้วยลักษณะ - อุปมาของสัมมาอาชีวะ
การดำรงชีพชอบ กินความไปถึงความสันโดษ
แม้อยู่ป่า ก็ยังต่างกันหลายความหมาย
การดำรงชีพชอบโดยทิศ 6 ของฆราวาส
(หน้าที่ที่พึงปฏิบัติต่อทิศเบื้องหน้า)
(หน้าที่ที่พึงปฏิบัติต่อทิศเบื้องขวา)
(หน้าที่ที่พึงปฏิบัติต่อทิศเบื้องหลัง)
(หน้าที่ที่พึงปฏิบัติต่อทิศเบื้องซ้าย)
(หน้าที่ที่พึงปฏิบัติต่อทิศเบื้องต่ำ)
(หน้าที่ที่พึงปฏิบัติต่อทิศเบื้องบน)
(คาถาสรุปความ)
การดำรงชีพชั้นเลิศ ของฆราวาส
การดำรงชีพชั้นรองเลิศ ของฆราวาส
การดำรงชีพชั้นธรรมดา ของฆราวาส
หลักการดำรงชีพ เพื่อผลพร้อมกันทั้ง 2 โลก
(หลักดำรงชีพเพื่อประโยชน์สุขในทิฏฐธรรม)
(อปายมุขและอายมุขที่เกี่ยวกับประโยชน์ในทิฏฐธรรม)
(หลักดำรงชีพเพื่อประโยชน์สุขในสัมปรายะ)
การดำรงชีพชอบ ตามหลักอริยวงศ์
การดำรงชีพชอบ โดยหลักแห่งมหาปุริสวิตก (8 อย่าง)
(อานิสงส์แห่งการดำรงชีพชอบโดยหลักแห่งมหาปรุิสวิตก 8)
(อานิสงส์ที่ครอบคลุมไปถึงความหมายแห่งปัจจัย 4)
การดำรงชีพชอบ คือ การลงทุนเพื่อนิพพาน
หมวด ค. ว่าด้วยหลักการปฏิบัติของสัมมาอาชีวะ
หลักการปฏิบัติเกี่ยวกับปัจจัย 4
ก. เกี่ยวกับจีวร
ข. เกี่ยวกับบิณฑบาต
ค. เกี่ยวกับเสนาสนะ
ง. เกี่ยวกับคิลานเภสัช
หมวด ง. ว่าด้วยอานิสงส์ของสัมมาอาชีวะ
ผลสืบต่อของสัมมาอาชีวะ
สัมมาอาชีวะสมบูรณ์แบบ สำหรับคฤหัสถ์
หมวด จ. ว่าด้วยปกิณณกะ
การดำรงชีพสุจริต มิได้มีเฉพาะเรื่องปัจจัย 4
นิทเทศ 19 ว่าด้วย สัมมาวายามะ
หมวด ก. ว่าด้วยอุทเทศ - วิภาคของสัมมาวายามะ
อุทเทศแห่งสัมมาวายามะ
ปธาน 4 ในฐานะแห่งสัมมาวายาโม
หมวด ข. ว่าด้วยลักษณะ - ไวพจน์ - อุปมาของสัมมาวายามะ
ลักษณะของผู้มีความเพียร 4 อริยาบถ
ลักษณะของผู้มีความเพียร 4 อริยาบถ (อีกนัยหนึ่ง)
ไวพจน์ของสัมมาวายามะ คือ สัมมัปปธาน
ปธาน 4 ในฐานะสัมมัปปธาน
การทำความเพียร ดุจผู้บำรุงรักษาป่า
หมวด ค. ว่าด้วยอุปกรณ์ - เหตุปัจจัยของสัมมาวายามะ
ความสังเวช เป็นเหตุให้ปรารภความเพียร
บุพพภาคแห่งการทำความเพียรเพื่อความสิ้นอาสวะ
บุพพภาคแห่งการทำความเพียรเพื่อความสิ้นอาสวะ (อีกนัยหนึ่ง)
อินทรียสังวร เป็นอุปกรณ์แก่สัมมาวายามะ (ส่วนที่เป็นการพากเพียรปิดกั้นการเกิดอกุศล)
เวทนา 3 เกี่ยวกับความเพียรละอกุศลและเจริญกุศล
การเสพที่เป็นอุปกรณ์และไม่เป็นอุปกรณ์แก่ความเพียรละอกุศลและเจริญกุศล
1. การเสพกายสมาจาร
2. การเสพวจีสมาจาร
3. การเสพมโนสมาจาร
4. การเสพจิตตุปบาท
5. การเสพสัญญาปฏิลาภ
6. การเสพทิฏฐิปฏิลาภ
7. การเสพอัตตภาวปฏิลาภ
8. การเสพอารมณ์ 6
9. การเสพปัจจัย 3
10.-13. การเสพคาม - นิคม - นคร - ชนบท
14. การเสพบุคคล
ชาคริยานุโยค คือ ส่วนประกอบของความเพียร
ศิลปะแห่งการปลุกเร้าความเพียร
ผู้มีลักษณะควรประกอบความเพียร
หมวด ง. ว่าด้วยหลักการปฏิบัติของสัมมาวายามะ
เพียรละอกุศลแข่งกับความตาย
(สัญญา 10)
(สัญญา 10 อีกปริยายหนึ่ง)
การทำความเพียรแข่งกับอนาคตภักย
การทำความเพียรแข่งกับอนาคตภักย (อีกนัยหนึ่ง)
บทอธิษฐานจิต เพื่อทำความเพียร
หมวด จ. ว่าด้วยปกิณณกะ
อุปสรรคของการประกอบสัมมาวายามะ
ก. เครื่องตรึงจิต 5 อย่าง
ข. เครื่องผูกพันจิต 5 อย่าง
ข้อแก้ตัว ของคนขี้เกียจ
สมัยที่ไม่เหมาะสมสำหรับ ... ความเพียร
ผู้อยู่อย่างคนมีทุกข์ ก็ทำกุศลธรรมให้เต็มเปี่ยมได้
ในการละกิเลสแม้ชั้นสูง ก็ยังมีการอยู่เป็นสุข
เพียงแต่รู้ชัดอริยสัจ สัมมาวายามะยังไม่ใช่ถึงที่สุด
นิทเทศ 20 ว่าด้วย สัมมาสติ
หมวด ก. ว่าด้วยอุทเทศ - วิภาคของสัมมาสติ
อุทเทศแห่งสัมมาสติ
สติปัฏฐาน 4 เป็นเอกายนมรรค
หมวด ข. ว่าด้วยลักษณะ - อุปมาของสัมมาสติ
ลักษณะแห่งความมีสติสัมปชัญญะของภิกษุ
ลักษณะสัมปชัญญะ ระดับสูงสุด
สัมมาสติ ในฐานะเครื่องทำตนให้เป็นที่พึ่ง
สติปัฏฐาน 4 เป็นโคจรสำหรับสมณะ
สติปัฏฐาน 4 ที่ส่งผลถึงวิชชาและวิมุตติ
แบบการเจริญอานาปานสติ ที่มีผลมาก
(แบบที่ 1)
(แบบที่ 2)
การเจริญสติปัฏฐาน ของคนฉลาด
หมวด ค. ว่าด้วยอุปกรณ์ - เหตุปัจจัยโดยอัตโนมัติของสัมมาสติ
ธรรมที่เป็นที่ตั้งแห่งการเจริญสติ
ธรรมเป็นอุปการะเฉพาะ แก่อานาปานสติภาวนา
(นัยที่ 1)
(นัยที่ 2)
(นัยที่ 3)
ฐานที่ตั้งแห่งความมีสัมปชัญญะ 19 ฐาน
สติปัฏฐาน 4 บริบูรณ์ เมื่ออานาปานสติบริบูรณ์
สติปัฏฐาน 4 บริบูรณ์ ย่อมทำโพชฌงค์ให้บริบูรณ์
โพชฌงค์บริบูรณ์ ย่อมทำวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์
หมวด ง. ว่าด้วยหลักการปฏิบัติของสัมมาสติ
การทำสติในรูปแห่งกายานุปัสสนา
1. ตามนัยแห่งอานาปานสติสูตร
2. ตามนัยแห่งมหาสติปัฏฐานสูตร
ก. หมวดลมหายใจเข้า - ออก (คือกาย)
ข. หมวดอิริยาบถ (คือกาย)
ค. หมวดสัมปชัญญะ (ในกาย)
ง. หมวดมนสิการในสิ่งปฏิกูล (คือกาย)
จ. หมวดมนสิการในธาตุ (ซึ่งเป็นกาย)
ฉ. หมวดนวสีวถิกา (คือกาย)
การทำสติในรูปแห่งเวทนานุปัสสนา
1. ตามนัยแห่งอานาปานสติสูตร
2. ตามนัยแห่งมหาสติปัฏฐานสูตร
การทำสติในรูปแห่งจิตตานุปัสสนา
1. ตามนัยแห่งอานาปานสติสูตร
2. ตามนัยแห่งมหาสติปัฏฐานสูตร
การทำสติในรูปแห่งธัมมานุปัสสนา
1. ตามนัยแห่งอานาปานสติสูตร
2. ตามนัยแห่งมหาสติปัฏฐานสูตร
ก. หมวดนิวรณ์ (คือธรรม)
ข. หมวดขันธ์ (คือธรรม)
ค. หมวดอายตนะ (คือธรรม)
ง. หมวดโพชฌงค์ (คือธรรม)
จ. หมวดอริยสัจ (คือธรรม)
จ.-1 : ทุกขอริยสัจ
จ.-2 : ทุกขสมุทยอริยสัจ
จ.-3 : ทุกขนิโรธอริยสัจ
จ.-4 : ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ
อุบายแห่งการดำรงจิตในสติปัฏฐาน
ข้อควรระวัง ในการเจริญสติปัฏฐาน 4
กายคตาสติ เป็นอุปกรณ์แก่อินทรียสังวร
ก. โทษของการไม่มีกายคตาสติ
ข. คุณของกายคตาสติ
หลักสำคัญสำหรับผู้หลีกออกเจริญสติปัฏฐานอยู่ผู้เดียว
ตรัสให้มีสติคู่กันไปกับสัมปชัญญะ
การฝึกเพื่อความสมบูรณ์แห่งสติสัมปชัญญะ
การฝึกเพื่อมีสติสัมปชัญญะ โดยอ้อมและโดยตรง
โอวาทแห่งการทำสติ เมื่อถูกติหรือถูกชม
ก. ฝ่ายถูกติ
ข. ฝ่ายถูกชม
ความมีสติเมื่อถูกประทุษร้าย
ทรงขอให้มีสติเร็วเหมือนม้าอาชาไนย
สติในการเผชิญโลกธรรม ของอริยสาวก
หมวด จ. ว่าด้วยอานิสงส์ของสัมมาสติ
อานิสงส์ตามปกติ แห่งอานาปานสติ
ก. อานิสงส์อย่างสังเขปที่สุด 2 ประการ
ข. อานิสงส์ตามปกติ 7 ประการ
ค. ทำสติปัฏฐาน 4 - โพชฌงค์ 7 - วิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์
ง. อานิสงส์ตามที่เคยปรากฏแก่พระองค์เอง
จ. ละความดำริอันอาศัยเรือน
ฉ. สามารถควบคุมความรู้สึกเกี่ยวกับความปฏิกูล
ช. เป็นเหตุให้ได้รูปฌานทั้ง 4
ญ. เป็นเหตุให้ได้อรูปฌานทั้ง 4
ฎ. เป็นเหตุให้ได้สัญญาเวทยิตนิโรธ
ฏ. สามารถกำจัดบาปอกุศลทุกทิศทาง
อานิสงส์พิเศษ แห่งอานาปานสติ
ก. กายไม่โยกโคลง
ข. รู้ต่อเวทนาทุกประการ
ค. มีสุขวิหารอันสงบเย็น
ง. เป็นสุขแล้วดำเนินไปในตัวเอง จนสิ้นอาสวะ
จ. ควรแก่นามว่าอริยวิหาร - พรหมวิหาร - ตถาคตวิหาร
ฉ. ทำสังโยชน์ให้สิ้น - กำจัดอนุสัย - รู้ทางไกล - สิ้นอาสวะ
ช. รู้จักลมหายใจอันจักมีเป็นครั้งสุดท้ายแล้วดับจิต
ญ. เหตุปัจจัยที่พระศาสนาจะตั้งอยู่นานภายหลังพุทธปรินิพพาน
อานิสงส์แห่งความไม่ประมาท คือ สติ
สติปัฏฐาน 4 เป็นเครื่องละปุพพันตอปรันตสหคตทิฏฐินิสสัย
การเจริญสติปัฏฐาน เป็นการอารักขาทั้งตนเองและผู้อื่น
หมวด ฉ. ว่าด้วยโทษของการขาดสัมมาสติ
จิตที่ปราศจากสติ ย่อมปรารถนาลาภได้ทั้งที่ชอบอยู่ป่า
หมวด ช. ว่าด้วยปกิณณกะ
ลักษณะของผู้อาจและไม่อาจเจริญสติปัฏฐาน 4
ทั้งนวกะ - เสขะ - อเสขะ ก็พึงเจริญสติปัฏฐาน
(ก. พวกนวกะ)
(ข. สำหรับพระเสขะ)
(ค. สำหรับพระอเสขะ)
สติปัฏฐาน 4 เหมาะสมทั้งแก่อเสขะ - เสขะ - และคฤหัสถ์
กองอกุศลและกองกุศล ชนิดแท้จริง
ธัมมสงเคราะห์ที่ทุกคนควรกระทำ
นิทเทศ 21 ว่าด้วย สัมมาสมาธิ
หมวด ก. ว่าด้วยอุทเทศ วิภาคของสัมมาสมาธิ
อุทเทศแห่งสัมมาสมาธิ
สมาธิภาวนา มีประเภท 4
หมวด ข. ว่าด้วยลักษณะ - อุปมาของสัมมาสมาธิ
ลักษณะแห่งสัมมาสมาธิชั้นเลิศ 5 ประการ
อริยสัมมาสมาธิ มีบริขาร 7
การทำหน้าที่สัมพันธ์กัน ของบริขาร 7
1. กลุ่มสัมมาทิฏฐิ
2. กลุ่มสัมมาสังกัปปะ
3. กลุ่มสัมมาวาจา
4. กลุ่มสัมมากัมมันตะ
5. กลุ่มสัมมาอาชีวะ
สัมมาทิฏฐิ เป็นผู้นำในการละมิจฉัตตะ
สัมมาสมาธิ ชนิดที่มีพรหมวิหารเป็นอารมณ์
วิโมกข์ 8
รูปฌานและอรูปฌาน ยังมิใข่ธรรมชั้นที่เป็นเครื่องขูดเกลา
อุปมาแห่งจิตที่ปราศจากนิวรณ์ 5
การบรรลุปฐมฌาน พร้อมทั้งอุปมา
การบรรลุทุติยฌาน พร้อมทั้งอุปมา
การบรรลุตติยฌาน พร้อมทั้งอุปมา
การบรรลุจตุตถฌาน พร้อมทั้งอุปมา
อาการที่อยู่ในฌาน เรียกว่าตถาคตไสยา
หมวด ค. ว่าด้วยอุปกรณ์ - เหตุปัจจัยของสัมมาสมาธิ
ความรู้ที่ทำให้มีการอบรมจิต
บริขาร 7 ของอริยสัมมาสมาธิ
ธรรมเครื่องทำความเต็มเปี่ยมแห่งกำลังของสมาธิ
สมาธิจากการเดิน (จงกรม) ย่อมตั้งอยู่นาน
ลักษณะของผู้ง่ายต่อการเข้าอยู่ในสมาธิ
หมวด ง. ว่าด้วยหลักการปฏิบัติของสัมมาสมาธิ
บุพพภาคแห่งการเจริญสมาธิ 5 ขั้น
ขั้นตอนอันจำกัดแห่งปัจจัยของสัมมาสมาธิ
การกระทำที่ถูกต้องตามกาละ สำหรับสมาธินิมิต - ปัคคาหนิมิต - อุเบกขานิมิต
สิ่งที่ต้องย้ำ 3 หน ในวงการสมาธิ
อนุสสติภาวนา เป็นสิ่งที่เจริญได้ในทุกอิริยาบถ
สมาธิภาวนาแต่ละอย่างๆ อาจทำได้ถึง 7 ระดับ
(ก. หมวดตระเตรียม)
(ข. หมวดพรหมวิหาร)
(ค. หมวดสติปัฏฐาน)
(หมวดอานิสงส์)
ญาณ เกิดจากสมาธิของผู้ที่มีสติปัญญารักษาตน
การดำรงสมาธิจิต เมื่อถูกเบียดเบียนทั้งทางวาจาและทางกาย
(1. อุปมาที่ 1)
(2. อุปมาที่ 2)
(3. อุปมาที่ 3)
(4. อุปมาที่ 4)
(5. อุปมาที่ 5)
สัญญาในสิ่งไม่เป็นที่ตั้งแห่งความยึดถือก็มีอยู่ (โลกุตตรสมาธิ)
สมาธิที่เป็นอสังขตมนสิการ
จากรูปฌานไปสู่อาสวักขยญาณโดยตรง
หมวด จ. ว่าด้วยอานิสงส์ของสัมมาสมาธิ
ประโยชน์ของการเจริญสมาธิ
นัยที่ 1 : เห็นความไม่เที่ยงของอายตนิกธรรม
นัยที่ 2 : เห็นความเกิดดับของเบญจขันธ์
อานุภาพแห่งสมาธิ
อานิสงส์ของการหลีกเร้น
แม้เพียงปฐมฌาน ก็ชื่อว่าเป็นที่หลบพ้นภัยจากมาร
แม้เพียงปฐมฌาน ก็บำบัดกิเลสอันเป็นเครื่องระคายใจได้
เจโตสมาธิ ที่สามารถเพิ่มความผาสุกทางกาย
ที่นั่ง - นอน - ยืน - เดิน อันเป็นทิพย์
ธรรมที่ทำความเป็นผู้มีอำนาจเหนือจิต
ฌานระงับความรัก - เกลียดที่มีอยู่ตามธรรมชาติ
ญาณในตถาคตพลญาน มีได้เฉพาะแก่ผู้มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ
ธรรมสัญญา ในฐานะแห่งธรรมโอสถโดยธรรมปีติ
หมวด ฉ. ว่าด้วยโทษของการขาดสัมมาสมาธิ
นิวรณ์ - ข้าศึกแห่งสมาธิ
นิวรณ์ - เป็นเครื่องทำกระแสจิตไม่ให้รวมกำลัง
จิตตระหนี่ เป็นสิ่งที่ต่ำเกินไปสำหรับการบรรลุฌาน และทำให้แจ้งมรรคผล
หมวด ช. ว่าด้วยปกิณณกะ
สนิมจิต เทียบสนิมทอง
สิ่งที่เป็นเสี้ยนหนามต่อกันโดยธรรมชาติ
การอยู่ป่ากับการเจริญสมาธิ สำหรับภิกษุบางรูป
ลำดับพฤติจิต ของผู้ที่จะเป็นอยู่ด้วยความไม่ประมาท
สัจจสัญญาอันสุขุมยิ่งขึ้นไปตามลำดับ ในรูปฌาน 4
(กรณีของปฐมฌาน)
(กรณีของทุติยฌาน)
(กรณีของตติยฌาน)
(กรณีของจตุตถฌาน)
เจโตวิมุตติชนิดที่ยังมีอุปสรรค
นิทเทศ 22 ว่าด้วย ข้อความสรุปเรื่องมรรค
หมวด ก. ว่าด้วยไวพจน์
อริยอัฏฐังคิกมัคคอธิวจนะ (ไวพจน์แห่งอริยอัฏฐังคิกมรรค)
อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะแห่งธัมมยานอันประเสริฐ
อัฏฐังคิกมรรค เป็นสัมมาปฏิปทา
สัมมัตตะโนนามว่า อริยมรรค
ธรรมที่เป็นนิพพานคามิมัคคะ
ทางโล่งอันแน่นอนไปสู่สัมมัตตนิยาม
อริยมรรค ซึ่งมิใช่อริยอัฏฐังคิกมรรค
หมวด ข. ว่าด้วยการสงเคราะห์องค์มรรค
องค์ 8 แห่งอริยมรรค สงเคราะห์ลงในสิกขา 3
ลักษณะแห่งสิกขา 3 โดยละเอียด
1. สีลขันธ์ โดยละเอียด
2. สมาธิขันธ์ โดยละเอียด
(บุรพภาคแห่งการเจริญสมาธิ)
(การเจริญสมาธิ)
3. ปัญญาขันธ์ โดยละเอียด
สิกขา 3 เป็นสิ่งที่ส่งเสริมกันตามลำดับ
อธิสิกขา 3
อธิสิกขา 3 (อีกนัยหนึ่ง)
ลักษณะความสมบูรณ์แห่งศีล
เมื่อตีความคำบัญญัติผิด แม้ทารกนอนเบาะก็มีศีลโดยอัตโนมัติ
ธรรม - อธรรม - อรรถ - อนรรถ ที่ควรทราบ
หมวด ค. ว่าด้วยคุณค่าของมรรค
อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะแห่งตัวพรหมจรรย์
ระบบพรหมจรรย์ ทรงแบ่งไว้เป็น 2 แผนก
ก. สำหรับผู้ถึงที่สุดแห่งทุกข์แล้ว
ข. สำหรับผู้ยังไม่ถึงที่สุดแห่งทุกข์
จุดมุ่งหมายแท้จริง ของพรหมจรรย์
อัฏฐังคิกมรรค เป็นพรหมจรรย์เป็นไปเพื่อนิพพาน
มรรคมีองค์ 8 รวมอยู่ในพรหมจรรย์ตลอดสาย
อัฏฐังคิกมัคคพรหมจรรย์ ให้ผลอย่างเครื่องจักร
ความแตกต่างระหว่างคนเขลาและบัณฑิต ในการประพฤติพรหมจรรย์
อานุภาคแห่งอัฏฐังคิกมรรค ในการทำให้เกิด :
ก. เกิดความปรากฏแห่งตถาคต
ข. เกิดสุคตวินัย
อัฏฐังคิกมรรค เพื่อการรู้และการละซึ่งธรรมที่ควรรู้และควรละ
อัฏฐังคิกมรรค ช่วยระงับภัยที่แม่ลูกก็ช่วยกันไม่ได้
อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะเป็นกัมมนิโรธคามินีปฏิปทา
อัฏฐังคิกมรรค เป็นอิทธิปาทภาวนาคามินีปฏิปทา
อัฏฐังคิกมรรค เป็นสัญลักษณ์ของพระศาสนาที่มีความหลุดพ้น
อัฏฐังคิกมรรค ใช้เป็นหลักจำแนกความเป็นสัตบุรุษ อสัตบุรุษ
อัฏฐังคิกมรรค ชนิดที่แน่นอนว่าป้องกันการแสวงหาผิด
มัชฌิมาปฏิปทา สำหรับธรรมกถึกแห่งยุค
(1. พอตัวทั้งเพื่อตนและผู้อื่น)
(2. พอตัวทั้งเพื่อตนและผู้อื่น) (อีกนัยหนึ่ง)
(3. พอตัวเพื่อตน แต่ไม่พอตัวเพื่อผู้อื่น)
(4. พอตัวเพื่อผู้อื่น แต่ไม่พอตัวเพื่อตน)
(5. พอตัวเพื่อตน แต่ไม่พอตัวเพื่อผู้อื่น) (อีกนัยหนึ่ง)
(6. พอตัวเพื่อผู้อื่น แต่ไม่พอตัวเพื่อตน) (อีกนัยหนึ่ง)
(7. พอตัวเพื่อตน แต่ไม่พอตัวเพื่อผู้อื่น) (อีกนัยหนึ่ง)
(8. พอตัวเพื่อผู้อื่น แต่ไม่พอตัวเพื่อตน) (อีกนัยหนึ่ง)
ธรรมอันเป็นที่สุดของสมณะปฏิบัติ
ปฏิปทาเพื่อละโอรัมภาคิยสังโยชน์ ก็คือมรรค
การเป็นอยู่ที่น้อมไปเพื่อนิพพานอยู่ในตัว (มัชฌิมาปฏิปทาโดยอัตโนมัติ)
หมวด ง. ว่าด้วยการทำหน้าที่ของมรรค
อัฏฐังคิกมรรคชนิดที่เจริญแล้วทำกิจแห่งอริยสัจ 4 พร้อมกันไปในตัว
อัฏฐังคิกมรรค ชนิดที่เจริญแล้วทำให้โพธิปักขิยธรรมสมบูรณ์ไปในตัว
การทำกิจของอินทรีย์ ในขณะบรรลุธรรม
สัมมัตตะ เป็นเครื่องสิ้นอาสวะ
หมวด จ. ว่าด้วยธรรมชื่ออื่น (ความหมายเกี่ยวกับมรรค)
บทธรรมเก่าที่อยู่ในรูปขององค์มรรค
ข้อปฏิบัติที่เป็นสักกายนิโรธคามินีปฏิปทา
อานิสงส์แห่งการปฏิบัติ โดยหลักพื้นฐาน (เช่นเดียวกับอานิสงส์แห่งมรรค)
ปฏิปทาเพื่อสิ้นอาสวะ 4 แบบ
ก. แบบปฏิบัติลำบาก ประสบผลช้า
ข. แบบปฏิบัติลำบาก ประสบผลเร็ว
ค. แบบปฏิบัติสบาย ประสบผลช้า
ง. แบบปฏิบัติสบาย ประสบผลเร็ว
ปฏิปทาการอบรมอินทรีย์ 3 ระดับ
ก. ลักษณะแห่งอินทรียภาวนาชั้นเลิศ
ข. ลักษณะแห่งผู้เป็นเสขปาฏิบท
ค. ลักษณะแห่งผู้เจริญอินทรีย์ชั้นอริยะ
ปฏิปทาเพื่อบรรลุอรหัตตผลของคนเจ็บไข้
องค์ 15 เพื่อการทำลายกระเปาะของอวิชชา (มุ่งผลอย่างเดียวกับมัชฌิมาปฏิปทา)
สุขโสมนัสที่เป็นไปเพื่อสิ้นอาสวะ (มัชฌิมาปฏิปทาที่แสนสุข)
ความเย็นที่ไม่มีอะไรเย็นยิ่งไปกว่า
ก. พวกที่ไม่ทำความเย็น
ข. พวกที่ทำความเย็น
ปฏิปทา การบรรลุอรหัตต์หรืออนาคามี ในภพปัจจุบัน
หมวด ฉ. ว่าด้วยอุปมาธรรมของมรรค
ระวังมัคคภาวนา : มีทั้งผิดและถูก
(ฝ่ายผิด)
(ฝ่ายถูก)
ภาวะแห่งความถูก - ผิด
ภาวะแห่งความเป็นผิด - ถูก
อเสขธรรม 10 ในฐานะพิธีเครื่องชำระบาป
อัฏฐังคิกมรรค มีความหมายแห่งความเป็นกัลยาณมิตร
นาบุญหรือนาบาป เนื่องอยู่กับองค์แห่งมรรค
ก. นาบาป
ข. นาบุญ
พิธีลงบาป ด้วยสัมมัตตปฏิปทา
หมวด ช. ว่าด้วยอุปกรณ์การปฏิบัติมรรค
รายชื่อธรรมเป็นที่ตั้งแห่งการขูดเกลา
ก. จิตตุปปาทปริยาย
ข. ปริกกมนปริยาย
ค. อุปริภาวังคมนปริยาย
ง. ปรินิพพานปริยาย
องค์คุณที่ทำให้เจริญงอกงามไพบูลย์ในพรหมจรรย์ (อุปกรณ์แห่งการปฏิบัติมรรค)
พวกรู้จักรูป
พวกฉลาดในลักษณะ
พวกคอยเขี่ยไข่ขาง
พวกปิดแผล
พวกสุมควัน
พวกรู้จักท่าที่ควรไป
พวกที่รู้จักน้ำที่ควรดื่ม
พวกรู้จักทางที่ควรเดิน
พวกฉลาดในที่ที่ควรไป
พวกรีด "นมโค" ให้มีส่วนเหลือ
พวกบูชาผู้เฒ่า
อัฏฐังคิกมัคคปฏิบัติ ต้องอาศัยที่ตั้งคือศีล
หลักเกณฑ์การเลือกสถานที่และบุคคลที่ควรเสพไม่ควรเสพ (อันเป็นอุปกรณ์แห่งมรรค)
การเลือกที่อยู่ในป่า (วนปัตถ์)
อาการที่เรียกว่า อัฏฐังคิกมรรคบริบูรณ์ได้โดยวิธีลัด
วิธีการสืบต่อความไม่ประมาทของอริยสาวก
พึงทำความสมดุลย์ของสมถะและวิปัสสนา
การปฏิบัติเพื่อความสมดุลย์ของสมถะและวิปัสสนา
ความสมประสงค์สูงสุด มีได้เพราะสัมมัตตะ
การให้ผลของมิจฉัตตะและสัมมัตตะ
รีบปฏิบัติให้สุดเหวี่ยง แต่ไม่ต้องร้อนใจว่าจงสำเร็จ (นั่นแหละคือมัชฌิมาปฏิปทา)
ภาวะบริสุทธิ์แห่งการประพฤติตบะพรหมจรรย์โดย 16 ประการ
(ก. ภาวะไม่บริสุทธิ์สำหรับเปรียบเทียบ)
(ข. ภาวะบริสุทธิ์ที่สำหรับถือเป็นหลัก)
การต่อสู้ของผู้เกลียดกลัวความทุกข์ โดยละเอียด
หมวด ช. ว่าด้วยมรรคกับอาหุเนยยบุคคล
สักว่าดำเนินอยู่ในอัฏฐังคิกมรรค ก็เป็นอาหุเนยยบุคคลฯ แล้ว
องค์แห่งมรรคที่เป็นเสขะของเสขบุคคล
ประโยชน์อันสูงสุดของสัมมัตตะ 10
หมวด ฌ. ว่าด้วยมรรคกับพระพุทธองค์
อริยอัฏฐังคิกมรรค คือ มัชฌิมาปฏิปทาที่ตรัสรู้เอง
ทรงกำชับเรื่องการทำลายอหังการมมังการ
อริยมรรค รวมอยู่ในพรหมจรรย์ที่ทรงฝากไว้กับพวกเรา
อัฏฐังคิกมรรค ในฐานกัลยณวัตรที่ทรงฝากไว้
ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เป็นสิ่งที่ควรทำให้เกิดมี
ภาคสรุป ว่าด้วย ข้อความสรุปท้ายเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
ความรู้ที่ทำให้สิ้นอาสวะ
โอกาสเแห่งโยคกรรมในการเห็นอริยสัจ บัดนี้ถึงพร้อมแล้ว
การเรียนปริยัติ มิใช่การรู้อริยสัจ
เห็นพระรัตนตรัยแท้จริง ก็ต่อเมื่อเห็นอริยสัจและหลุดพ้นจากอาสวะแล้ว
ปฏิบัติเพื่อรู้อริยสัจ ต้องเป็นธัมมาธิปไตย
การแทงตลอดอริยสัจ เป็นงานละเอียดอ่อนยิ่งกว่าการแทงทะลุขนทรายด้วยขนทราย
การปฏิบัติอริยสัจ ไม่มีทางที่จะขัดต่อหลักกาลามสูตร
(ก. ฝ่ายอกุศล)
(ข. ฝ่ายกุศล)
บริษัทที่เกี่ยวกับอริยสัจ
เมื่ออริยสัจ 4 ถูกแยกออกเป็น 2 ซีก
หลักวิธีการศึกษาอริยสัจ 4 ใช้ได้กับหลักทั่วไป
ตัวอย่าง ก. เกี่ยวกับอกุศลศีล
ตัวอย่าง ข. เกี่ยวกับกุศลศีล
ตัวอย่าง ค. เกี่ยวกับอกุศลสังกัปปะ
ตัวอย่าง ง. เกี่ยวกับกุศลสังกัปปะ
อริยสัจ 4 เป็นที่ตั้งแห่งการแสดงตัวของปัญญินทรีย์
อริยสัจ 4 เป็นวัตถุแห่งกิจของปัญญินทรีย์
เบญจพิธพรที่ทรงระบุไว้สำหรับภิกษุ (ไม่เกี่ยวกับตัณหาเหมือนจตุพิธพรของชาวบ้าน)
การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์
อริยสัจ (หรือโลกสัจ) ทรงบัญญัติไว้ในกายที่ยังมีสัญญาและใจ
อริยสัจ ทรงบัญญัติสำหรับสัตว์ที่อาจมีเวทนา
เวทนาโดยปัจจัย 41 ชนิด
ผู้รู้อริยสัจ ไม่จำเป็นต้องแตกฉานอภิธรรมและรวยลาภ
จงกระทำเหตุทั้งภายในและภายนอก
ก. เหตุภายใน
ข. เหตุภายนอก
อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะเพชรพลอยเม็ดหนึ่งแห่งศาสนา
พระคุณของผู้ที่ทำให้รู้แจ้งอริยสัจ 4
ประมวลปัญหา่อันจะพึงตอบเกี่ยวกับธรรมทั้งปวง (เกี่ยวกับใจความของอริยสัจโดยทั่วไป)
การจบกิจแห่งอริยสัจ กำหนดด้วยความสมบูรณ์แห่งญาณ 3
ภาคผนวก ว่าด้วย เรื่องนำมาผนวกเพื่อความสะดวกแก่การอ้างอิง ฯ
ประมวลพรหมจรรย์ตลอด (ที่แสดงไว้ด้วยขันธ์ 3)
1. ศีลขันธ์
ตถาคตเกิดขึ้นในโลก แสดงธรรม
กุลบุตรฟังธรรม ออกบวช
แนวปฏิบัติสำหรับผู้บวชใหม่
ก. อาการที่ถึงพร้อมด้วยศีล (ขั้นจุลศีล)
ข. อาการที่ถึงพร้อมด้วยศีล (ชั้นมัชฌิมศีล)
(หมวดพืชตามภูตคาม)
(หมวดการบริโภคสะสม)
(หมวดดูการเล่น)
(หมวดการพนัน)
(หมวดที่นั่งนอนสูงใหญ่)
(หมวดประดับตกแต่งกาย)
(หมวดดิรัจฉานกถา)
(หมวดการชอบทำความขัดแย้ง)
(หมวดการรับใช้เป็นทูต)
(หมวดโกหกหลอกลวงเพื่อลาภ)
ค. อาการที่ถึงพร้อมด้วยศีล (ขั้นมหาศีล)
(หมวดการทำพิธีรีตอง)
(หมวดทายลักษณะ)
(หมวดทายฤกษ์การรบพุ่ง)
(หมวดทายโจรแห่งนักษัตร)
(หมวดทำนายข้าวยากหมากแพง)
(หมวดฤกษ์ยามและเข้าทรง)
(หมวดหมอผีหมอยา)
2. สมาธิขันธ์
(หมวดอินทรียสังวร)
(หมวดสติสัมปัชชัญญะ)
(หมวดสันโดษ)
(หมวดเสนาสนะสงัด - ละนิวรณ์)
(หมวดปฐมฌาน)
(หมวดทุติยฌาน)
(หมวดตติยฌาน)
(หมวดจตุตถฌาน)
3. ปัญญาขันธ์
(หมวดญาณทัสสนะ)
(หมวดมโนมยิทธิ)
(หมวดอิทธิวิธี)
(หมวดทิพพโสต)
(หมวดเจโตปริยญาณ)
(หมวดปุพเพนิวาสานุสสติญาณ)
(หมวดจุตูปปาตญาณ)
(หมวดอาสวักขยญาณ)
ลักษณะความสะอาด - ไม่สะอาด ในอริยวินัย
ก. ความไม่สะอาด
ข. ความสะอาด
ผู้ไม่สะอาด เป็นผู้ที่เหมือนกับถูกนำไปเก็บไว้ในนรก
ผู้สะอาด เป็นผู้ที่เหมือนกับถูกนำตัวไปเก็บไว้ในสวรรค์
หนังสือพุทธประวัติจากพระโอษฐ์
ภาคนำ ข้อความให้เกิดความสนใจในพุทธประวัติ
ข้อความให้เกิดความสนใจในพุทธประวัติ (12 เรื่อง)
โลกธาตุหนึ่ง มีพระพุทธเจ้าเพียงองค์เดียว
การปรากฎของพระตถาคตมีได้ยากในโลก
โลกที่กำลังมัวเมา ก็ยังสนใจในธรรมของพระตถาคต
การมีธรรมของพระตถาคตอยู่ในโลก คือความสุขของโลก
พระตถาคตเกิดขึ้นเพื่อความสุขของโลก
พระตถาคตเกิดขึ้นในโลก เพื่อแสดงแบบแห่งการครองชีวิตอันประเสริฐแก่โลก
พระตถาคตเกิดขึ้น แสดงธรรมเพื่อความรำงับ, ดับ, รู้
ธรรมชาติ 3 อย่าง ทำให้พระองค์เกิดขึ้นเป็นประทีปของโลก
ผู้เชื่อฟังพระตถาคต จะได้รับประโยชน์สุขสิ้นกาลนาน
ทรงขนานนามพระองค์เองว่า "พุทธะ"
เรื่องย่อๆ ที่ควรทราบก่อน
เรื่องสั้นๆ ที่ควรทราบก่อน (อีกหมวดหนึ่ง)
ภาค 1 เริ่มแต่การเกิดแห่งสากยวงศ์ จนถึงออกผนวช
เริ่มแต่การเกิดแห่งสากยวงศ์ จนถึงออกผนวช (21 เรื่อง)
การเกิดแห่งวงศ์สากยะ
พวกสากยะอยู่ใต้อำนาจพระเจ้าโกศล
แดนสากยะขึ้นอยู่ในแคว้นโกศล
การอยู่ในหมู่เทพชั้นดุสิต
การจุติจากดุสิตลงสู่ครรภ์
เกิดแสงสว่างเนื่องด้วย การจุติจากดุสิต
แผ่นดินไหว เนื่องด้วยการจุติ
การลงสู่ครรภ์
การอยู่ในครรภ์
การประสูติ
เกิดแสงสว่าง เนื่องด้วยการประสูติ
แผ่นดินไหว เนื่องด้วยการประสูติ
ประกอบด้วยมหาปุริสลักขณะ 32
บุรพกรรมของการได้มหาปุริสลักขณะ
ประสูติได้ 7 วัน พระชนนีทิวงคต
ทรงได้รับการบำเรอ
กามสุขกับความหน่าย
ทรงหลงกามและหลุดจากกาม
ความรู้สึก ที่ถึงกับทำให้ออกผนวช
การออกผนวช
ออกผนวชเมื่อพระชนม์ 29
ภาค 2 เริ่มแต่ออกผนวชแล้ว จนถึง ได้ตรัสรู้
เริ่มแต่ออกผนวชแล้ว จนถึง ได้ตรัสรู้ (35 เรื่อง)
เสด็จสำนักอาฬารดาบส
เสด็จสำนักอุทกดาบส
เสด็จไปอุรุเวลาเสนานิคม
ทรงประพฤติอัตตกิลมถานุโยค
อุปมาปรากฎแจ่มแจ้ง
ทุกรกิริยา
ทรงแน่พระทัยว่า ไม่อาจตรัสรู้เพราะการทำทุกรกิริยา
ทรงกลับพระทัยฉันอาหารหยาบ
ภิกษุปัญจวัคคีย์หลีก
ทรงตริตรึกเพื่อตรัสรู้ ก่อนตรัสรู้
ทรงเที่ยวแสวงเพื่อความตรัสรู้
ทรงคอยควบคุมวิตก ก่อนตรัสรู้
ทรงกำหนดสามาธินิมิต ก่อนตรัสรู้
ทรงคอยกั้นจิตจากกามคุณในอดีต ก่อนตรัสรู้
ทรงคิดค้นวิธีแห่งอิทธิบาท ก่อนตรัสรู้
ทรงคิดค้นเรื่องเบญจขันธ์ ฯลฯ ก่อนตรัสรู้
ทรงคิดค้นเรื่องเวทนาโดยละเอียด ก่อนตรัสรู้
ทรงแสวงเนื่องด้วยเบญจขันธ์ ฯลฯ ก่อนตรัสรู้
ทรงค้นลูกโซ่แห่งทุกข์ ก่อนตรัสรู้
ทรงค้นลูกโซ่แห่งทุกข์ ก่อนตรัสรู้ (อีกนัยหนึ่ง)
ทรงพยายามในอธิเทวญาณทัศนะเป็นขั้นๆ ก่อนตรัสรู้
ทรงทำลายความขลาด ก่อนตรัสรู้
ธรรมที่ทรงอบรมอย่างมาก ก่อนตรัสรู้
วิหารธรรมที่ทรงอยู่มากที่สุด ก่อนตรัสรู้
ทรงพยายามในเนกขัมมจิต และอนุปุพพวิหารสมาบัติ ก่อนตรัสรู้
ทรงอธิษฐานความเพียร ก่อนตรัสรู้
ความฝันครั้งสำคัญ ก่อนตรัสรู้
อาการแห่งการตรัสรู้
สิ่งที่ตรัสรู้
การตรัสรู้ คือการทับรอยแห่งพระพุทธเจ้าในอดีต
การตรัสรู้ คือการทรงรู้แจ้งผัสสายตนะโดยอาการ 5
เกิดแสงสว่างเนื่องด้วยการตรัสรู้
แผ่นดินไหวเนื่องด้วยการตรัสรู้
การรู้สึกพระองค์ว่าได้ตรัสรู้แล้ว
วิหารธรรมที่ทรงอยู่ เมื่อตรัสรู้แล้วใหม่ๆ
ภาค 3 เริ่มแต่ได้ตรัสรู้แล้ว จนถึง โปรดปัญจวัคคีย์
เริ่มแต่ได้ตรัสรู้แล้ว จนถึง โปรดปัญจวัคคีย์ (79 เรื่อง)
ทรงเป็นลูกไก่ตัวพี่ที่สุด
ทรงเป็นผู้ข่มอินทรีย์ได้
ทรงมีตถาคตพลญาณ 10 อย่าง
ทรงมีตถาคตพล 5
ทรงทราบอินทรีย์อันยิ่งหย่อนของสัตว์
ทรงมีและทรงแสดงยถาภูตญาณที่ทำให้แจ้งอธิมุตติบท ท.
ทรงมีเวสารัชชญาณ 4
ทรงประกาศพรหมจักรท่ามกลางบริษัท
ทรงมีวิธี "รุก" ข้าศึกให้แพ้ภัยตัว
ทรงมีธรรมสีหนาทที่ทำเทวโลกให้สั่นสะเทือน
ทรงเปรียบการกระทำของพระองค์ ด้วยการกระทำของสีหะ
ทรงมีธรรมสีหนาทอย่างองอาจ
สิ่งที่ใครๆ ไม่อาจท้วงติงได้
ไม่ทรงมีความลับ ที่ต้องให้ใครช่วยปกปิด
ทรงแสดงสิ่งที่น่าอัศจรรย์อันแท้จริงของพระองค์
ทรงเป็นอัจฉริยมนุษย์ในโลก
ทรงต่างจากมนุษย์ธรรมดา
ทรงบังคับใจได้เด็ดขาด
ไม่ทรงติดแม้ในนิพพาน
ทรงมีความคงที่ต่อวิสัยโลก ไม่มีใครยิ่งกว่า
ทรงอยู่เหนือการครอบงำของเวทนา มาตั้งแต่ออกผนวชจนตรัสรู้
ทรงยืนยันในคุณธรรมของพระองค์เองได้
ทรงยืนยันให้ทดสอบความเป็นสัมมาสัมพุทธะของพระองค์
ทรงยืนยันว่าไม่ได้บริสุทธิ์เพราะตบะอื่น นอกจากอริยมรรค
ทรงยืนยันพรหมจรรย์ของพระองค์ว่าบริสุทธิ์เต็มที่
ทรงยืนยันว่าตรัสเฉพาะเรื่องที่ทรงแจ่มแจ้งแทงตลอดแล้วเท่านั้น
สิ่งที่ไม่ต้องทรงรักษาอีกต่อไป
ทรงฉลาดในเรื่องซึ่งพ้นวิสัยโลก
ทรงทราบ ทรงเปิดเผย แต่ไม่ทรงติด ซึ่งโลกธรรม
ทรงทราบทิฏธิวัตถุที่ลึกซึ้ง
ทรงทราบส่วนสุดและมัชฌิมา
ทรงรับรองสุขัลลิกานุโยคที่เป็นไปเพื่อนิพพาน ของพวกสมณศากยปุตติยะ
ทรงทราบพราหมณสัจจ์
ทรงเห็นนรกและสวรรค์ ที่ผัสสายตนะ 6
ทรงทราบพรหมโลก
ทรงทราบคติ 5 และนิพพาน
ทรงแสดงฤทธิ์ได้ เพราะอิทธิบาท 4
ทรงมีญาณในอิทธิบาท 4 โดยปริวัฏฏ์ 3 อาการ 12
ทรงมีอิทธิบาทเพื่ออยู่ได้ถึงกัปป์
ทรงเปล่งเสียงคราวเดียว ได้ยินตลอดทุกโลกธาตุ
ทรงมีปาฏิหาริย์ชนิดที่คนเขลามองไม่เห็นว่าเป็นปาฏิหาริย์
ทรงมีปาฏิหาริย์ 3
เหตุที่ทำให้ทรงพระนามว่า "ตถาคต" 4
เหตุที่ทำให้ทรงพระนามว่า "ตถาคต" เพราะทรงเป็นกาลวาที ภูตวาที
ไวพจน์แห่งคำว่า "ตถาคต"
ทรงปฏิญญาเป็นอภิสัมพุทธะ เมื่อทรงชำนาญในอนุปุพพวิหารสมาบัติ
ทรงปฏิญญาเป็นอภิสัมพุทธะ เมื่อทรงทราบปัญจุปาทานขันธ์โดยปริวัฏฏ์ 4
ทรงปฏิญญาเป็นอภิสัมพุทธะ เมื่อทรงทราบอริยสัจจ์หมดจดสิ้นเชิง
เหตุที่ทำให้ได้พระนามว่า "อรหันตสัมมาสัมพุทธะ"
เหตุที่ทำให้ได้พระนามว่า "อรหันตสัมมาสัมพุทธะ" (อีกนัยหนึ่ง)
เหตุที่ทำให้ได้พระนามว่า "อรหันตสัมมาสัมพุทธะ" (อีกนัยหนึ่ง)
เหตุที่ทำให้ได้พระนามว่า "อนุตตรปุริสทัมมสารถิ"
เหตุที่ทำให้ได้พระนามว่า "โยคักเขมี"
ทรงเป็นศาสดาประเภทตรัสรู้เอง
ไม่ทรงเป็นสัพพัญญูทุกอิริยาบถ
ทรงยืนยันความเป็นมหาบุรุษ
ทรงอยู่ในฐานะที่ใครๆ ยอมรับว่าเลิศกว่าสรรพสัตว์
ไม่มีใครเปรียบเสมอ
ไม่ทรงอภิวาทผู้ใด
ทรงเป็นธรรมราชา
ทรงเป็นธรรมราชาที่เคารพธรรม
ทรงคิดหาที่พึ่งสำหรับพระองค์เอง
ทรงถูกพวกพราหมณ์ตัดพ้อ
มารทูลให้นิพพาน
ทรงท้อพระทัยในการแสดงธรรม
พรหมอาราธนา
ทรงเห็นสัตว์ดุจดอกบัว 3 เหล่า
ทรงแสดงธรรมเพราะเห็นความจำเป็นของสัตว์บางพวก
ทรงเห็นลู่ทางที่จะช่วยเหลือปวงสัตว์
ทรงระลึกหาผู้รับปฐมเทศนา
เสด็จพาราณสี พบอุปกาชีวก
การแสดงปฐมเทศนา
ทรงประกาศธรรมจักรที่อิสิปตนมฤคทายวัน
แผ่นดินไหวเนื่องด้วยการแสดงธรรมจักร
เกิดแสงสว่างเนื่องด้วยการแสดงธรรมจักร
จักรของพระองค์ไม่มีใครต้านทานได้
ทรงหมุนแต่จักรที่มีธรรมราชา เป็นเจ้าของ
การปรากฎของพระองค์ คือการปรากฎแห่งดวงตาอันใหญ่หลวงของโลก
โลกยังไม่มีแสงสว่าง จนกว่าพระองค์จะเกิดขึ้น
ภาค 4 เริ่มแต่โปรดปัญจวัคคีย์แล้ว จนถึง จวนจะปรินิพพาน
เริ่มแต่โปรดปัญจวัคคีย์แล้ว จนถึง จวนจะปรินิพพาน (170 เรื่อง)
(ก. เกี่ยวกับการประกาศพระศาสนา 48 เรื่อง)
การประกาศพระศาสนา
หลักที่ทรงใช้ในการตรัส
ทรงมีหลักเกณฑ์ในการกล่าวผิดจากหลักเกณฑ์ของคนทั่วไป
อาการที่ทรงแสดงธรรม
สมาธินิมิตในขณะที่ทรงแสดงธรรม
ทรงแสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่แล่นดิ่งไปสุดโต่ง : เกี่ยวกับ "กามสุขัลลิกานุโยค" หรือ "อัตตกิลมถานุโยค"
: เกี่ยวกับ "มี" หรือ "ไม่มี"
: เกี่ยวกับ "ผู้นั้น" หรือ "ผู้อื่น"
: เกี่ยวกับ "ทำเอง" หรือ "ผู้อื่นทำ"
: เกี่ยวกับ "ทำเอง" หรือ "ผู้อื่นทำ" (อีกนัยหนึ่ง)
: เกี่ยวกับ "อย่างใดอย่างหนึ่ง" หรือ "อย่างอื่น"
: เกี่ยวกับ "เหมือนกัน" หรือ "ต่างกัน"
ไม่ทรงบัญญัติอะไรเป็นอะไร โดยส่วนเดียว
ทรงแสดงทั้งเอกังสิกธรรมและอเนกังสิกธรรม
ทรงแสดงธรรมด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง
ทรงแสดงธรรมเพื่อปล่อยวางธรรม มิใช่เพื่อยึดถือ
อาการที่ทรงบัญญัติวินัย
เหตุผลที่ทำให้ทรงบัญญัติระบบวินัย
หัวใจพระธรรมในคำ "บริภาส" ของพระองค์
ทรงแสดงหลักพระศาสนา ไม่มีวิญญาณที่เวียนว่ายตายเกิด
ทรงแสดงหลักกรรมชนิดที่เป็น "พุทธศาสนาแท้"
ทรงเป็นยาม เฝ้าตลิ่งให้ปวงสัตว์
ทรงปล่อยปวงสัตว์ เหมือนการปล่อยฝูงเนื้อ
ทรงจัดพระองค์เองในฐานะเป็นผู้ฉลาดในเรื่องหนทาง
ทรงสอนเช่นเดียวกับพระพุทธเจ้าทั้งปวง
ทรงเป็นศาสดาที่ไม่มีใครท้วงติงได้
ทรงสามารถในการสอน
ทรงแสดงสติปัฏฐาน 4 เพื่อขจัดทิฏฐินิสสัยทั้ง 2 ประเภท
ทรงสามารถสอนให้วิญญูชนรู้ได้เองเห็นได้เอง
ทรงสามารถยิ่งในการสอน
ทรงประกาศพรหมจรรย์ ในลักษณะที่เทวดามนุษย์ประกาศตามได้
ทรงประกาศพรหมจรรย์ น่าดื่มเหมือนมัณฑะ
ทรงแสดงหนทางที่ผู้ปฏิบัติตามแล้ว จะเห็นได้เองว่าถูกต้อง
ทรงแสดงวากขาตธรรม ที่มีผล 6 อันดับ (มีสวรรค์เป็นอย่างต่ำสุด)
สิ่งที่ตรัสรู้แล้ว แต่ไม่ทรงนำมาสอนมีมากกว่าที่ทรงสอนมากนัก
คำของพระองค์ตรงเป็นอันเดียวกันหมด
ทรงมีการกล่าวที่ไม่ขัดแย้งกับบัณฑิตชนในโลก
ทรงสอนเฉพาะแต่เรื่องทุกข์กับความดับสนิทของทุกข์
คำสอนที่ทรงสั่งสอนมากที่สุด
ทรงมีหลักเกณฑ์การฝึกตามลำดับ (อย่างย่อ)
ทรงฝึกสาวกเป็นลำดับๆ
เรื่องที่ไม่ทรงพยากรณ์
ตรัสเหตุที่ไม่ทรงพยากรณ์อันตคาหิกทิฏฐิ 10
ตรัสเหตุที่ไม่ทรงพยากรณ์อันตถาหิกทิฏฐิ ส่วนที่เกี่ยวกับ "ตถาคต 4"
ตรัสเหตุที่ทำให้ไม่ทรงข้องแวะด้วยทิฏฐิ 10
เรื่องที่ทรงพยากรณ์
ผู้ฟังพอใจคำพยากรณ์ของพระองค์
ไม่ได้ทรงพยากรณ์เพื่อให้ชอบใจผู้ฟัง
คำพยากรณ์นั้นๆ ไม่ต้องทรงคิดไว้ก่อน
ทรงฆ่าผู้ที่ไม่รับการฝึก
เหตุที่สาวกบางคนไม่ได้บรรลุ
ทรงบัญญัติโลกุตตรธรรมสำหรับคนทั่วไป
ทรงให้ทุกคนมีพระองค์ อยู่ที่ธรรมที่กำลังมีอยู่ในใจของเขา
สัตว์โลกจะรู้จักพระรัตนตรัยถึงที่สุด ก็ต่อเมื่อรู้ผลแห่งความสิ้นอาสวะของตนเองแล้วเท่านั้น
(ข. เกี่ยวกับคณะสาวกของพระองค์ 30 เรื่อง)
ทรงมีหมู่คณะที่เลิศกว่าหมู่คณะใด
ทรงมีคณะสงฆ์ซึ่งมีคุณธรรมสูงสุด
ในแต่ละบริษัท มีอริยสาวกเต็มทุกขั้นตนตามที่ควรจะมี
ทรงบริหารสงฆ์จำนวนร้อย
วิธีที่ทรงปฏิบัติต่อภิกษุ เกี่ยวกับสิกขา
ทรงรับรองภิกษุแต่บางรูป ว่าเป็น คนของพระองค์
ทรงมีศิษย์ทั้งที่ดื้อและไม่ดื้อ
ทรงเรียกร้องให้กระทำกะพระองค์อย่างมิตร
สาวกของพระองค์หลุดพ้นเพราะพิจารณาความเป็นอนัตตาในเบญจขันธ์
สาวกของพระองค์เสียชีพไม่เสียศีล
ตรัสให้สาวกติดตามฟังแต่เรื่องเป็นไปเพื่อนิพพาน
ทรงขอให้สาวกเป็นธรรมทายาท อย่าเป็นอามิสทายาท
ทรงชักชวนให้สาวกกระทำดั่งที่เคยทรงกระทำ
ทรงขอร้องอย่าให้วิวาทกันเพราะธรรมที่ทรงแสดง
ทรงขอร้องให้ทำความเพียร เพื่ออนุตตรวิมุตติ
ทรงถือว่าภิกษุสาวกทุกวรรณะ เป็นสมณสากยปุตติยะโดยเสมอกัน
ทรงให้ถือว่า สาวกทั้งหลายเป็นบุตรของพระองค์
ทรงแสดงสาวกตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จในอินทรียภาวนา
ทรงมีคณะสาวกซึ่งมีปาฏิหาริย์
ทรงเป็นพี่เลี้ยงให้แก่สาวก ชั่วระยะจำเป็น
ทรงมีพระสารีบุตรเป็นผู้รองลำดับ
ทรงมีพระสารีบุตรเป็นผู้ประกาศธรรมจักรเสมอด้วยพระองค์
ทรงยกย่องพระสารีบุตรในฐานะธรรมโอรส
มหาเถระผู้มีสมาบัติ และอภิญญาเทียมพระองค์
พระองค์และสาวกมีการกล่าวหลักธรรมตรงกันเสมอ
ส่วนที่สาวกเข้มงวดกว่าพระองค์
ทรงลดพระองค์ลงเสมอสาวก แม้ในหน้าที่ของพระพุทธเจ้า
เหตุที่ทำให้มีผู้มาเป็นสาวกของพระองค์
เหตุที่ทำให้เกิดการแสดงปาติโมกข์
ไม่ทรงทำอุโบสถกับสาวกอีกต่อไป
(ค. เกี่ยวกับความเป็นอยู่ส่วนพระองค์ 31 เรื่อง)
ไม่ทรงติดทายก
ความรู้สึกของพระองค์เกี่ยวกับยศ
ทรงเสพเสนาสนะป่าเรื่อยไป เพื่อให้เป็นตัวอย่าง
ทรงพอพระทัยความสามัคคีเป็นอย่างยิ่ง
ทรงมีความสุขยิ่งกว่ามหาราช
ทรงผาสุกยิ่งนัก เมื่อทรงอยู่ในอนิมิตตเจโตสมาธิ
วิหารธรรมที่ทรงอยู่มากตลอดพรรษา และทรงสรรเสริญมาก
ทรงมีอาหารบริสุทธิ์แม้เกี่ยวกับการฆ่าสัตว์
ไม่ทรงฉันอาหารที่เกิดขึ้นเพราะคำขับ
ทรงฉันอาหารวันหนี่งหนเดียว
ทรงฉันอาหารหมดบาตรก็มี
บางคราวทรงมีปีติเป็นภักษาเหมือนพวกอาภัสสรเทพ
ทรงมีการประทม อย่างตถาคต
ทรงเป็นผู้เอ็นดูเกื้อกูลแก่สรรพสัตว์อย่างไม่เห็นแก่หน้า
ทรงมีลักษณะเอ็นดูสรรพสัตว์ทั้งหลับและตื่น
ทรงมีลักษณะสัมมาสัมพุทธะ ทั้งในขณะทำและไม่ทำหน้าที่
ตัวอย่างเพียงส่วนน้อย ของความสุข
ทรงนับพระองค์ว่าเป็นผู้หนึ่งในบรรดาผู้นอนเป็นสุข
ทรงดับเย็นเพราะไม่ทรงยึดทั่นการรู้สิ่งที่สมมติกันว่าเลิศ
ที่ประทับนั่งนอนของพระองค์
วิหารธรรมที่ทรงอยู่มากที่สุด ตลอดพระชนม์
ทรงอยู่ด้วยสุญญตาวิหารแม้ใจขณะแห่งธรรมกถา
ทรงเป็นสมณะสุขุมาลในบรรดาสมณะ
ทรงอยู่อย่างมีจิตที่ปราศจาก "หัวคันนา"
ทรงทำนาที่มีอมตะเป็นผล
การทรงหลีกเร้นเป็นพิเศษบางคราว
ยังทรงมากอยู่ด้วยเขมวิตกและวิเวกวิตก
การเสด็จสุทธาวาส
การเสด็จไปทรมานพกพรหมผู้กระด้างด้วยลัทธิ
ทรงมีฌานแน่วแน่ชั้นพิเศษ
กัลยาณมิตรของพระองค์เอง
(ง. เกี่ยวกับลัทธิอื่นๆ 16 เรื่อง)
พอดวงอาทิตย์ขึ้น หิ่งห้อยก็อับแสง
ลัทธิของพระองค์กับของผู้อื่น
ทรงแสดงอัปปมัญญาธรรม 4 ชนิด ที่สูงกว่าเดียรถีย์อื่น
ทรงบัญญัตินิททสบุคคลที่ไม่เนื่องด้วยพรรษาดั่งลิทธิอื่น
ทรงบัญญัติความหมาย ของคำว่า "ญาณ" ไม่ตรงกับความหมายที่เดียรถีย์อื่นบัญญัติ
ไม่ทรงบัญญัติยืนยันหลักลัทธิเกี่ยวกับ "อัตตา"
ไม่ได้ทรงติการบำเพ็ญตบะ ไปเสียตะพึด
ไม่ทรงตำหนิการบูชายัญญ์ไปเสียทั้งหมด
ความบริสุทธิ์ใจของพระองค์ในการปฏิบัติต่อลัทธิอื่น
บางกฎที่ทรงยกเว้นแก่บางคน
ทรงแสดงหลักแห่งกรรมต่างจากพวกอื่น
ทรง "เยาะ" ลัทธิที่ว่าสุขทุกข์เพราะกรรมเก่าอย่างเดียว
ทรง "เยาะ" ลัทธิที่ว่าสุขทุกข์เพราะการบันดาลของเจ้านาย
ทรง "เยาะ" ลัทธิที่ว่า สุขทุกข์ไม่มีอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัย
ทรงมีวิธีสกัดสแกงพวกที่ถือลัทธิว่ามีอัตตา
ทรงระบุลัทธิมักขลิวาท ว่าเป็นลัทธิทำลายโลก
(จ. เกี่ยวกับการที่มีผู้อื่นเข้าใจผิด 23 เรื่อง)
ทรงทำผู้มุ่งร้ายให้แพ้ภัยตัวเอง
ไม่เคยทรงพรั่นพรึงในท่ามกลางบริษัท
ทรงสมาคมได้อย่างสนิทสนม ทุกบริษัท
ทรงท้าให้ใครปฏิเสธธรรมะที่พระองค์รับรอง
ทรงท้าว่า ธรรมที่ทรงแสดงไม่มีใครค้านได้
ทรงยืนยันเอง และทรงให้สาวกยืนยันว่ามีสมณะในธรรมวินัยนี้
โพชฌงค์ปรากฎ เพราะพระองค์ปรากฎ
ไม่ได้ทรงประพฤติพรหมจรรย์เพื่อให้เขานับถือ
ทรงหวังให้ช่วยกันทำความมั่นคงแก่พรหมจรรย์
พรหมจรรย์นี้ มิใช่มีลาภเป็นอานิสงส์
ทรงบัญญัติพรหมจรรย์ในลักษณะที่บรรพชาจักไม่เป็นโมฆะ
พรหมจรรย์นี้ของพระองค์ บริบูรณ์โดยอาการทั้งปวง
ทรงแก้ข้อที่เขาหาว่าเกียดกันทาน
ทรงแก้ข้อที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น "กาฝากสังคม"
ทรงแก้ข้อที่ถูกเขาหาว่า ทรงหลง
ทรงแก้คำตู่ของพวกอื่นที่ตู่ว่าเขาก็สอนเหมือนที่พระองค์สอน
ทรงถูกตู่ว่าตรัสว่าในสุภวิโมกข์มีความรู้สึกไม่งาม
ทรงถูกตู่ว่าไม่บัญญัติสิ่งซึ่งที่แท้ได้ทรงบัญญัติแล้ว
ทรงถูกตู่เรื่องฉันปลาฉันเนื้อ
ทรงรับว่าทรงทราบมายา แต่ไม่ทรงมีมายา
แง่ที่เขากล่าวหาพระองค์อย่างผิดๆ
ทรงหยามมารว่าไม่มีวันรู้จักทางของพระองค์
มนุษย์บุถุชน รู้จักพระองค์น้อยเกินไป
(ฉ. เกี่ยวกับเหตุการณ์พิเศษบางเรื่อง 22 เรื่อง)
การทรงแสดงความพ้น เพราะสิ้นตัณหา
การทรงแสดงเรื่องที่เป็นไปได้ยากเกี่ยวกับพระองค์เอง
การเกิดของพระองค์ ไม่กระทบกระเทือนกฎธรรมชาติ
(1. การทรงแสดงไตรลักษณ์)
(2. การทรงแสดงปฏิจจสมุปบาท)
ทรงแนะการบูชายัญในภายใน
การทรงแสดงเหตุของความเจริญ
ทรงแสดงที่พึ่งไว้สำหรับเมื่อทรงล่วงลับไปแล้ว
การตรัสเรื่อง "ทุกข์นี้ใครทำให้"
การสนทนากับพระอานนท์เรื่องกัลยาณมิตร
การสนทนากับ "พระเหม็นคาว"
การตอบคำถามของทัณฑปาณิสักกะ
การสนทนากับนิครนถ์
: บาปกรรมเก่าไม่อาจสิ้นด้วยทุกรกิริยา
: เวทนาทั้งหลายมิใช่ผลแห่งกรรมในกาลก่อน
: การให้ผลของกรรมไม่อาจเปลี่ยนได้ด้วยตบะของนิครนถ์
ทรงสนทนากะเทวดา เรื่องวิมุตติของภิกษุณี
การสนทนากับเทวดา เรื่องอปริหานิยธรรม
การสนทนาเรื่องที่สุดโลก
การสนทนาเรื่องลัทธิซึ่งสมมติกันว่าเลิศ
การตรัสเรื่อง "มหาภูต" ไม่หยั่งลงในที่ไหน
การมาเฝ้าของตายนเทพบุตร
การมาเฝ้าของอนาถปิณฑิกเทพบุตร
การมาเฝ้าของจาตุมมหาราช
การข่มลิจฉวีบุตร ผู้มัวเมาในปาฏิหาริย์
การสนทนากับปริพพาชก ชื่อ มัณฑิยะและชาลิยะ
การสนทนาเรื่อง เครื่องสนุกของพระอริยเจ้า
ผนวกภาค 4 คือพระประวัติเบ็ดเตล็ดตามเสียงของคนนอก
คำชี้แจงสำหรับเรื่องผนวก
ตามเสียงกระฉ่อนทั่วๆ ไป : ทรงเป็นสัมมาสัมพุทธะประกาศพรหมจรรย์บริสุทธิ์
ตามเสียงของผู้สรรเสริญธรรมเทศนา : ทรงมีธรรมเทศนาเป็นแสงสว่าง
ตามเสียงของปริพพาชกวัจฉโคตร
: ทรงแสดงหลักสำคัญตรงกับสาวกอย่างน่าอัศจรรย์
: ทรงมีคำสอนที่เป็นแก่นแท้ล้วนๆ
: ทรงประดิษฐานศาสนพรหมจรรย์ได้บริบูรณ์
ตามเสียงของคณกะโมคคัลลานพราหมณ์ "โอวาทของพระโคดมเป็นยอด"
ตามเสียงของสัจจกะนิครนถบุตร "เจอะพระโคดมแล้ว ไม่มีรอดไปได้"
ตามเสียงของเจ้าลิจฉวี ทุมมุขะ : ทรงหักล้างถ้อยคำของปรปักษ์ได้ เหมือนเด็กๆ รุมกันต่อยก้ามปู
ตามเสียงของปริพพาชกคณะแม่น้ำสัปปีนี : ไม่มีช่องทางที่ใครจะขันสู้พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตามเสียงของสังคมวิญญูชน
: ทรงปฏิบัติได้เลิศกว่าพวกอื่น (ในหลักธรรมอย่างเดียวกัน)
: สาวกของพระองค์ปฏิบัติได้เลิศกว่าพวกอื่น (ในหลักธรรมอย่างเดียวกัน)
ตามเสียงของวัชชิยมาหิตคหบดี : ทรงเป็นวิภัชชวาที มิใช่ เอกํสวามี
ตามเสียงของโปฎฐปาทปริพพาชก : ทรงบัญญัติหลักเรื่อง "ตถา"
ตามเสียงของปีโลติกะปริพพาชก : ทรงมีคุณธรรมลึกจนผู้อื่นได้แต่เพียงอนุมานเอา
ตามเสียงของปิงคิยานีพราหมณ์ : ทรงอยู่เหนือคำสรรเสริญของคนธรรมดา
ตามเสียงของวัสสการพราหมณ์ : ทรงมีคุณธรรมสูง 4 ประการ
ตามเสียงของอัตถกามเทพ : ทรงทราบมุทธาและมุทธาธิบาต
ตามเสียงของหัตถกเทวบุตร : ทรงอัดแออยู่ด้วยบริษัทนานาชนิด
ตามเสียงของเทวดาบางคน : ใครดูหมิ่นความอดทนของพระโคดมก็เท่ากับคนไม่มีตา
ตามเสียงของท้าวสักกะจอมเทพ : ทรงพระคุณที่ชอบใจเทวดา 8 ประการ
ตามเสียงของโลหิจจพราหมณ์
: ทรงมีอนามัยเป็นอย่างดี
: ทรงดึงผมช่วยคนจะตกเหวไว้ได้
ตามเสียงของโสณทัณฑพราหมณ์ : ทรงมีคุณสมบัติสูงทุกประการ
ตามเสียงของอุตตรมาณพ05.42
: ทรงประกอบด้วยมหาปุริสลักขณะ 32
: ทรงมีลีลาศสง่า งดงาม
: ทรงมีมรรยาทเป็นสง่า น่าเลื่อมใส
: ไม่ทรงตื่นเต้นพระทัยในบ้าน
: ทรงฉันภัตตาหารในหมู่บ้านเรียบร้อยนัก
: ไม่ทรงติดในรสอาหาร
: ทรงมีวัตรในบาตร
: การเสด็จกลับจากฉันในหมู่บ้าน
: ทรงนุ่งห่มกระทัดรัด
: ทรงมุ่งแต่ความเกื้อกูลสัตว์
: การแสดงธรรมด้วยพระสำเนียงมีองค์ 8
ตามเสียงของอุบาลีคหบดี บุรพนิครนถ์ : ทรงประกอบด้วยพระพุทธคุณ 100 ประการ
ตามเสียงของพระเจ้าปเสนทิโกศล05.44
: ทรงมีคณะสงฆ์ที่ประพฤติพรหมจรรย์ตลอดชีวิต
: ทรงมีคณะสงฆ์ที่พร้อมเพรียง
: ทรงมีคณะสงฆ์ที่ชุ่มชื่นผ่องใส
: ทรงมีสังฆบริษัทที่เงียบเสียง
: ทรงชนะคนมุ่งร้ายที่เข้าเฝ้า
: ทรงสามารถปราบโจรที่มหากษัตริย์ก็ปราบไม่ได้
: ทรงชนะน้ำใจคน โดยทางธรรม
: ทรงเสมอกับพระเจ้าโกศลโดยวัย
ตามเสียงของคณกะโมคคัลลานพรามหณ์ : ทรงคบและไม่ทรงคบบุคคลเช่นไร
ตามเสียงแห่งมาร05.49
: ทรงตัดรอนอำนาจมาเหมือนเด็กริดรอนก้ามปู
: ทรงเป็นก้อนหินให้กาโง่สำคัญว่ามันข้น
: ไม่มีใครนำพระองค์ไปได้ด้วยราคะ
: ศัตรูประสบผลเหมือนเอาศีรษะชนภูเขา
ภาค 5 การปรินิพพาน
การปรินิพพาน (10 เรื่อง)
80 ปี ยังไม่ฟั่นเฟือน
ทรงมีความชราทางกายภาพเหมือนคนทั่วไป
ทรงทำหน้าที่พระพุทธเจ้าบริบูรณ์แล้ว
เรื่องเบ็ดเตล็ดก่อนหน้าปรินิพพาน :06.1
การตรัสภิกษุอปริหานิยธรรม
เสด็จสวนอัมพลัฏฐิกา
เสด็จเมืองนาลันทา
เสด็จบ้านปาฏลิคาม
เสด็จบ้านโกฎิคาม
เสด็จหมู่บ้านนาทิกะ
เสด็จเมืองเวสาลี
เสด็จบ้านเวฬุวคาม
เสด็จทิวาวิหาร ที่ปาวาลเจดีย์
ทรงปลงอายุสังขาร
แผ่นดินไหวเนื่องด้วยการปลงอายุสังขาร
เสด็จป่ามหาวัน
เสด็จบ้านภัณฑคาม
เสด็จบ้านหัตถิคาม โดยลำดับ
เสด็จเมืองปาวา
เสด็จเมืองกุสินารา
การปรินิพพาน หรือ การประทับสีหเสยยา ครั้งสุดท้าย
แผ่นดินไหว เนื่องด้วยการปรินิพพาน
เราเห็นพระองค์ได้ชั่วเวลาที่ยังปรากฎพระกาย
การปรินิพพานของพระองค์คือความทุกข์ร้อนของมหาชน
สังเวชนียสถานภายหลังพุทธปรินิพพาน
ภาค 6 การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ (20 เรื่อง)
คำชี้แจงเกี่ยวกับภาค 6
ต้องท่องเที่ยวมาแล้ว เพราะไม่รู้อริยสัจจ์
ตลอดวัฏฏสงสาร ไม่เคยทรงบังเกิดในสุทธาวาส
ในวัฏฏสงสาร เคยทรงบูชายัญญ์ และบำเรอไฟ มาแล้วเป็นอย่างมาก
ทิฏฐานุคติแห่งความดี ที่ทรงสั่งสมไว้แต่ภพก่อนๆ
เคยทรงบังเกิดเป็นมหาพรหม, สักกะ, ฯลฯ
ครั้งมีพระชาติเป็น โชติปาลมาณพ
ครั้งมีพระชาติเป็น พระเจ้ามหาสุทัศน์
ครั้งมีพระชาติเป็น ปุโรหิต สอนการบูชายัญญ์
ครั้งมีพระชาติเป็น พระเจ้ามฆเทวราช
ครั้งมีพระชาติเป็น มหาโควินทพราหมณ์
ครั้งมีพระชาติเป็น รถการ ช่างทำรถ
ครั้งมีพระชาติเป็น อกิตติดาบส
ครั้งมีพระชาติเป็น พระจันทกุมาร
ครั้งมีพระชาติเป็น สังขพราหมณ์
ครั้งมีพระชาติเป็น เวลามพราหมณ์
ครั้งมีพระชาติเป็น พระเวสสันดร
ครั้งมีพระชาติเป็น มาตังคชฎิล
ครั้งมีพระชาติเป็น จูฬโพธิ
ครั้งมีพระชาติเป็น เจ้าชายยุธัญชยะ
ที่สุดแห่งการท่องเที่ยวของพระองค์
หนังสือขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์
หมวดที่ 1 ว่าด้วย การทุศิล
ผ้าเปลือกปอ
น้ำติดก้นกะลา
งูเปื้อนคูถ
ทำตัวเหมือนโจร
กอดกองไฟ
การ "ตัด" ถึงเยื่อในกระดูก
การถูกแทงด้วย "หอก"
จีวรที่ลุกเป็นไฟ
ก้อนข้าวที่ลุกเป็นไฟ
เตียงตั่งที่ลุกเป็นไฟ
กุฏิวิหารที่ลุกเป็นไฟ
ผู้หมดหวัง
เมื่อโจรกำเริบ
หมวดที่ 2 ว่าด้วย การไม่สังวร
ผู้ถูกฉุดรอบด้าน
แมวตายเพราะหนู
เนื้อนาที่ไม่เกิดบุญ
เสียขวัญตั้งแต่เห็นผงคลี
เสียขวัญตั้งแต่เห็นยอดธงชัยของข้าศึก
เสียขวัญตั้งแต่ได้ยินเสียงโห่ร้อง
เสียขวัญตั้งแต่พอเริ่มการสัมประหารกัน
ผู้ที่ตายคาที่
ผู้ตายกลางทาง
ผู้ตายที่บ้าน
ผู้รอดตาย
ผู้นอกรีต - เลยเถิด
ผู้ชะล่าใจ
ผู้ชอบเข้าบ้าน
ผู้ชอบคลุกคลีกับชาวบ้าน
หมวดที่ 3 ว่าด้วย เกียรติและลาภสักการะ
ฤทธิเดชของลาภสักการะ
สุนัขขี้เรื้อน
เต่าติดชนัก
ปลากลืนเบ็ด
ผู้กินคูถ
ผู้ติดเซิงหนาม
ผู้ถูกหลาวอาบยาพิษ
จักรแห่งอสนีบาต
ลมเวรัมภา
ลูกสุนัขดุถูกขยี้ด้วยดีสัตว์
ความฉิบหายของผู้หลงสักการะ
การออกผลเพื่อฆ่าตนเอง
หมวดที่ 4 ว่าด้วย การทำไปตามอำนาจกิเลส
ผู้ไม่หนุนหมอนไม้
ผู้เห็นแก่นอน
ผู้ต้องการนุ่งงามห่มงาม
ผู้ต้องการกินดี
ผู้ต้องการอยู่ดี
ภัยมีเพราะการระคนใกล้ชิดสตรี
ภัยเกิดเพราะกลัวอด
ราคีของนักบวช
เมื่อโจรปล้นชาวเมือง
คนนอกบัญชี
คนแหวกแนว
คนทิ้งธรรม
คืนวันที่มีแต่ "ความมืด"
ผู้ถูกตรึง
ผู้ถูกแมลงวันตอม
ป่าช้าผีดิบ
หมวดที่ 5 ว่าด้วย การเป็นทาสตัณหา
ผู้เห็นแก่อามิส
ไม่คุ้มค่าข้าวสุก
ขี้ตามช้าง
ติดบ่วงนายพราน
ผู้ถูกล่าม
หมองูตายเพราะงู
อมิตตภิกขุ
เป็นโรคชอบเที่ยวเรื่อยเปื่อย
หมวดที่ 6 ว่าด้วย การหละหลวมในธรรม
นกแก้ว นกขุนทอง
ถุงลม
ปริยัตติที่เป็นงูพิษ
ผู้ไม่ควรพูดอภิธรรม
เนื้อแท้อันตรธาน
ผู้ทำศาสนาเสื่อม
คนไม่ควรเลี้ยงโค
พวกไม่รู้จักรูป
พวกไม่ฉลาดในลักษณะ
พวกไม่เขี่ยไข่ขาง
พวกไม่ปิดแผล
พวกไม่สุมควัน
พวกไม่รู้จักท่าที่ควรไป
พวกไม่รู้จักน้ำที่ควรดื่ม
พวกไม่รู้จักทางที่ควรเดิน
พวกไม่ฉลาดในที่ที่ควรไป
พวก รีด "นมโค" เสียหมด ไม่มีส่วนเหลือ
พวกไม่บูชาผู้เฒ่า
ลูกนอกคอก
ผู้โลเล
ภิกษุร้องเพลง
ผู้มัวแต่อวดฉลาด
หลวงตา
พระถูกฆ่า
ผู้หล่นจากศาสนา
หมวดที่ 7 ว่าด้วย การลืมคำปฏิญาณ
"กู เป็นโค"
สมณะแกลบ
ชอบให้หญิงประคบประหงม
ชอบสัพหยอกกับหญิง
ชอบสบตาผู้หญิง
ชอบฟังเสียงผู้หญิง
ชอบระลึกถึงความหลังเกี่ยวกับหญิง
ชอบดูผู้อื่นบริโภคกาม
ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อเป็นเทพยดา
ฉิบหายเพราะคลื่น
ฉิบหายเพราะจระเข้
ฉิบหายเพราะวังวน
ฉิบหายเพราะปลาร้าย
เห็นยอดอื่นๆ ว่าเป็นแก่น
หลงสะเก็ดแห้ง ว่าเป็นแก่น
หลงเปลือกสดๆ ว่าเป็นแก่น
หลงกระพี้ไม้ ว่าเป็นแก่น
ไม่รู้ "ความลับ" ของขันธ์ 5
ไมรู “ความลับ” ของอุปทานขันธ
ไมรู “ความลับ” ของธาตุ 4
ไมรู “ความลับ” ของอินทรีย์ 6
ไมรู “ความลับ” ของอินทรีย 5
ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท ไม่ได้เป็นสมณะ
ไมรูอริยสัจจ ไมไดเปนสมณะ
หมวดที่ 8 ว่าด้วย พิษสงทางใจ
ดาบที่หมกอยู่ในจีวร
ยาพิษในโลก
ผู้ตกเหว
ผู้เห็นแต่จะทะเลาะวิวาท
ม้าพยศ 8 จำพวก
ม้าทิ้งรถ
มาหักไมรถ
ม้าเตะงอนรถ
ม้าหงายรถ
ม้าทำลายรถ
ม้ากัดสายบังเหียน
ม้ายืนนิ่ง
ม้าหมอบ
ผู้มีความจำเป็นต้องคิดทำลายสงฆ์
ผู้จมมิดในหลุมคูถ
สันดานกา
พระรังโรค
ผู้ควรอยู่ในคอกไปก่อน
ผู้เกียจคร้านตลอดเวลา
ลิงติดตัง
ลาสึกเพราะติดเมา
หมวดที่ 9 ว่าด้วย การเสียความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่
วอดวายเพราะผู้นำ
อุปัชฌายะเสีย
อาจารย์เสีย
เถระเสีย
เถระที่ต้องระวัง
เถระพาล
เถระวิปริต
เถระโลเล (หลายแบบ)
พ่อฆ่าลูก
สมภารผิดหลัก
สมภารติดถิ่น
สมภารติดที่อยู่
นรกของสมภารวัด
หมวดที่ 10 ว่าด้วย การมีศีล
(ปฏิปักขนัย ของหมวด 1 อันว่าด้วยการทุศีล)
รักษาพรหมจรรย์ไว้ด้วยน้ำตา
ผู้ที่ควรเข้าใกล้
ละได้จักอยู่เป็น "พระ"
สมณพราหมณ์ที่น่านับถือ
ผลประโยชน์ของความเป็นสมณะ
ผู้ละความทุศีลเสียได้
ภิกษุผู้มีศีลสมบูรณ์แล้ว
ผู้มีศีลไม่ทำลายพืชคามและภูตคาม
ผู้มีศีลไม่ทำการบริโภคสะสม
ผู้มีศีลไม่ดูการเล่น
ผู้มีศีลไม่เล่นการพนัน
ผู้มีศีลไม่นอนบนที่นอนสูงใหญ่
ผู้มีศีลไม่ประดับตกแต่งร่างกาย
ผู้มีศีลไม่พูดคุยเดรัจฉานกถา
ผู้มีศีลไม่กล่าวคำแก่งแย่งกัน
ผู้มีศีลไม่เป็นทูตนำข่าว
ผู้มีศีลไม่ล่อลวงชาวบ้าน
ผูมีศีลไมเปนหมอทายโชคลาง
ผู้มีศีลไม่เป็นหมอทายลักษณะสิ่งของ
ผู้มีศีลไม่เป็นหมอทำนายการรบพุ่ง
ผู้มีศีลไม่เป็นหมอโหราศาสตร์
ผู้มีศีลไม่เป็นหมอทำนายดินฟ้าอากาศ
ผู้มีศีลไม่เป็นหมอดูฤกษ์ยาม
ผู้มีศีลไม่เป็นหมอผีและหมอยา
อธิศีลสิกขา
สมณกิจ
กิจของชาวนา
ตั้งหน้าทำก็แล้วกัน
เครื่องมือชนะกิเลส
เมื่อมีศีลควรส่งตนไปในแนวเผากิเลส
อริยกันตศีล
ศีลอยู่เคียงคู่กับปัญญาเสมอ
ชำระศีลและทิฏฐิให้บริสุทธิ์ก่อน
ศีลเป็นฐานรองรับสติปัฏฐาน 4
ศีลเป็นฐานรองรับสติปัฏฐาน 4 (อีกนัยหนึ่ง)
ศีลเป็นฐานรองรับโพชฌงค์ 7
ศีลเป็นฐานรองรับอริยมรรคมีองค์ 8
ศีลสมบัติเป็นรุ่งอรุณแห่งอริยมรรค
ศีลสมบัติเป็นธรรมมีอุปการะมากชั้นเอก
ศีลสมบัติช่วยทำให้อริยมรรคเจริญเต็มที่
ผู้มีศีลจักถึงแก่นธรรม
อำนาจศีลที่เป็นตัวกุศล
อานิสงส์สำหรับผู้ทำศีลให้สมบูรณ์
ผู้อยู่เหนือความหวัง
เมื่อราชามีกำลัง
ประสบบุญใหญ่
หมวดที่ 11 ว่าด้วย การมีสังวร
(ปฏิปักขนัย ของหมวด 2 อันว่าด้วยการไม่สังวร)
ไม่ตกอบายดีกว่า
ช้างนาบุญ
ผู้พิชิตสงครามถึงที่สุดแล้ว
ผู้พิชิตสงครามถึงที่สุดแล้ว (อีกนัยหนึ่ง)
ผู้อยู่ในร่องรอย
ผู้สมควรอยู่ป่า
ผู้ต้องติดต่อด้วยสตรี
ผู้ทำตามคำสั่งแท้จริง
กระดองของบรรพชิต
ผู้เอาตัวรอดได้เพราะสังวรด้วยความรู้
ผู้สำรวมมาจากภายใน
เปรียบด้วยหม้อเต็มปิดไว้
เปรียบด้วยน้ำลึก - เงาลึก
เปรียบด้วยมะม่วงสุก มีผิวสีสุก
ผู้ได้รับผลแห่งอินทรีย์สังวร
หมวดที่ 12 ว่าด้วย การเป็นอยู่ชอบ
(ก. เกี่ยวกับลาภสักการะ 6 เรื่อง)
ผู้รู้เท่าทันลาภสักการะ
ผู้รู้จักอันตรายของทิฏฐธรรมสุข
ผู้ควรปลีกตัวออกจากหมู่ได้
ผู้ที่น่าเคารพ
ผู้ที่น่ารัก
ภิกษุที่ดี
(ข. เกี่ยวกับธรรมเนียมการเป็นอยู่ของพระอริยเจ้า 5 เรื่อง)
การเป็นอยู่อย่างบรรพชิต
ผู้เป็นเชื้อสายแห่งพระอริยเจ้า
ผู้อยู่ด้วยเครื่องอยู่แบบพระอริยเจ้า
ผู้ระลึกสถานที่ที่ควรจะระลึกตลอดชีวิต
ผู้สอบทานตัวเอง
(ค. เกี่ยวกับการทำให้ตรงตามพระพุทธประสงค์ 10 เรื่อง)
ธรรมทายาท
ฉันอาหารวันละหนเดียว
หลังอาหารแล้วภาวนา
ผู้ขึงสายพิณพอเหมาะ
ผู้มีธรรมเป็นที่พึ่ง
ผู้ไม่ประมาทในความตายแท้จริง
ทางรอดสำหรับภิกษุไข้
ผู้อยู่ใกล้นิพพาน
ผู้จักทำนิพพานให้แจ้ง
ผู้เป็นอยู่อย่างถูกพระพุทธอัธยาศัย
(ฆ. เกี่ยวกับการประพฤติพรหมจรรย์ 14 เรื่อง)
จุดประสงค์ของพรหมจรรย์
เครื่องประดับของพรหมจรรย์
ผลของพรหมจรรย์ที่แยบคาย
โพธิปักขิยธรรม
สติปัฏฐานที่เอียงไปนิพพาน
สัมมัปปธานที่เอียงไปนิพพาน
อิทธิบาทที่เอียงไปนิพพาน
อินทรีย์ที่เอียงไปนิพพาน
พละที่เอียงไปนิพพาน
โพชฌงค์ที่เอียงไปนิพพาน
อัฏฐังคิกมรรคที่เอียงไปนิพพาน
เชิงรองของจิต
อริยสัมมสมาธิ
โลกจะไม่ว่าจากพระอรหันต์
(ง. เกี่ยวกับระเบียบแห่งการอยู่กันเป็นหมู่ 8 เรื่อง)
หมู่ซึ่งอยู่เป็นผาสุก
ผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ผาสุก
ภิกษุเก่าคอยช่วยเหลือภิกษุใหม่
การเป็นอยู่ที่ไม่เสื่อม แบบที่ 1
การเป็นอยู่ที่ไม่เสื่อม แบบที่ 2
การเป็นอยู่ที่ไม่เสื่อม แบบที่ 3
การเป็นอยู่ที่ไม่เสื่อม แบบที่ 4
การเป็นอยู่ที่ไม่เสื่อม แบบที่ 5
หมวดที่ 13 ว่าด้วย การไม่ทำไปตามอำนาจกิเลส
(ปฏิปักขนัย ของหมวด 4 อันว่าด้วยการทำไปตามอำนาจกิเลส)
ท่อนไม้ที่ลอยออกไปได้ถึงทะเล
ผู้เลือกเอาข้างอยู่ป่า
ผู้ชนะภัย 5 อย่าง
ผู้อยู่ป่าชนะภัย 5 อย่าง
ผู้หมดราคี
คนในบัญชี
คนไม่แหวกแนว
คนไม่ทิ้งธรรม
คืนวันที่มีแต่ "ความสว่าง"
ผู้ไม่ถูกตรึง
ผู้รอดจากการสึก
ผู้เปรียบด้วยการไม่ถูก "แมลงวันตอม"
(อีกสูตรหนึ่ง)
หมวดที่ 14 ว่าด้วย การไม่เป็นทาสตัณหา
(ปฏิปักขนัย ของหมวด 5 อันว่าด้วยการเป็นทาสตัณหา)
ผู้เห็นแก่ธรรม
ข้าวของชาวเมืองไม่เสียเปล่า
คุ้มค่าข้าวสุก
เนื้อที่ไม่ติดบ่วงนายพราน
ผู้ไม่ถูกล่าม
มิตตภิกขุ
ไม่เป็นโรคชอบเที่ยวเรื่อยเปื่อย
หมวดที่ 15 ว่าด้วย การไม่หละหลวมในธรรม
(ปฏิปักขนัย ของหมวด 6 อันว่าด้วยการหละหลวมในธรรม)
ผู้ไม่ใช่นกแก้วนกขุนทาง
ถุงธรรม
ปริยัติที่ไม่เป็นงูพิษ
ผูสนทนาถูกเรื่องที่ควรสนทนา
เนื้อแท้ที่ไม่เป็นอันตรธาน
ยอดแห่งความเพียร
ผู้ไม่มีอหังการ์
ผู้ไม่ทำศาสนาเสื่อม
ผู้สามารถทำพระศาสดาให้เป็นมิตร
คนควรเลี้ยงโค
พวกรู้จักรูป
พวกฉลาดในลักษณะ
พวกคอยเขี่ยไข่ข่าง
พวกปิดแผล
พวกสุมควัน
พวกรู้จักท่าที่ควรไป
พวกที่รู้จักน้ำที่ควรดื่ม
พวกรู้จักทางที่ควรเดิน
พวกฉลาดในที่ที่ควรไป
พวก รีด "นมโค" ให้มีส่วนเหลือ
พวกบูชาผู้เฒ่า
ลูกในคอก
ทางเจริญของ "ลูกในคอก"
ผู้ไม่โลเล
ผู้ไม่ร้องเพลง
ผู้ไม่ประมาท
ผู้ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม
ผู้ตายไม่เสียที
ผู้ไม่หล่นจากศาสนา
หมวดที่ 16 ว่าด้วย การไม่ลืมคำปฏิญาณ
(ปฏิปักขนัย ของหมวด 7 อันว่าด้วยการลืมคำปฏิญาณ)
สมณสากยปุตติยะที่แท้
สภาพแห่งสมณะสากยปุตติยะ
สมณพราหมณ์ที่แท้
สมณะบัวขาว
สมณะบัวหลวง
สมณะยุพราช
สมณะยุพราช (อีกนัยหนึ่ง)
สมณะในธรรมวินัยนี้
ผู้ทำสมคำปฏิญาณว่า "สมณะ"
ผู้ถึงพร้อมด้วยหิริโอตัปปะ
ผู้มีกายสมาจารบริสุทธิ์
ผู้มีวจีสมาจารย์บริสุทธิ์
ผู้มีมโนสมาจารบริสุทธิ์
ผู้มีอาชีวะบริสุทธิ์
ผู้ปิดกั้นอภิชฌาโทมนัสให้หยุดไหล
ผู้รู้ประมาณการบริโภค
ผู้ตื่นจากกิเลสทำอะไรไม่ได้
ผู้มีสติสัมปชัญญะ
ผู้ออกหาวิเวกธรรม
ผู้ได้บรรลุฌานที่ 1
ผู้ได้บรรลุฌานที่ 2
ผู้ได้บรรลุฌานที่ 3
ผู้ได้บรรลุฌานที่ 4
ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
จุตูปปาตญาณ
อาสวักขยญาณทำให้เป็นสมณะจริง
ยอมเสียชีวิตไม่ยอมล่วงสิกขาบท
ผู้ไม่หลงเอาสิ่งอื่นมาเป็นแก่น
รู้ "ความลับ" ของขันธ์ 5
รู้ "ความลับ" ของอุปาทานขันธ์
รู้ "ความลับ" ของธาตุ 4
รู้ "ความลับ" ของอินทรีย์ 6
รู้ "ความลับ" ของอินทรย์ทั้ง 5
รู้ปฏิจจสมุปบาทจึงเป็นสมณะได้
รู้อริยสัจจ์จึงเป็นสมณะได้
หมวดที่ 17 ว่าด้วย การหมดพิษสงทางใจ
(ปฏิปักขนัย ของหมวด 8 อันว่าด้วยพิษสงทางใจ)
สระน้ำที่อยู่ภายใต้จีวร
ผู้เว้นยาพิษในโลก
ผู้ไม่ตกเหว
ผู้ไม่ต้องทะเลาะวิวาทกัน
ผู้ไม่ควรอยู่ในคอก
ผู้มีเพียรตลอดเวลา
ผู้ไม่ต้องกลายเป็น "ลิงติดตัง"
ผู้อยู่เหนือการสึก
คุณธรรมของพระโสดาบัน
คุณธรรมของพระสกทาคามี
คุณธรรมของพระอนาคามี
คุณธรรมของพระอรหันต์
หมดพิษสงทางใจจึงประกาศพระศาสนา
หมวดที่ 18 ว่าด้วย การไม่เสียความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่
(ปฏิปักขนัย ของหมวด 8 อันว่าด้วยพิษสงทางใจ)
รอดได้เพราะผู้นำ
อุปัชฌายะที่ถูกต้องตามธรรม
อาจารยที่ตองตามธรรม
ผู้ควรมีศิษย์อุปัฏฐาก
เถระดี
เถระที่ไม่ต้องระวัง
เถระบัณฑิต
เถระไม่วิปริต
เถระไม่โลเล (หลายแบบ)
พ่อไม่ฆ่าลูก
สมภารถูกหลัก
สมภารไม่ติดถิ่น
สมภารไม่ติดที่อยู่
สวรรค์ของสมภารเจ้าวัด
หมวดที่ 19 ว่าด้วย เนื้อนาบุญของโลก
เนื้อนาบุญ เกิดจากองค์ 3 มีศีลเป็นต้น
เนื้อนาบุญ เกิดจากการมีสังวร
เนื้อนาบุญ เกิดจากการเป็นอยู่ชอบ
เนื้อนาบุญ เกิดจากการไม่ทำไปตามอำนาจกิเลส
เนื้อนาบุญ เกิดจาการไม่เป็นทาสตัณหา
เนื้อนาบุญ เกิดจากการพิจารณาเห็นธรรม
เนื้อนาบุญ เกิดจากการไม่ลืมคำปฏิญาณ
เนื้อนาบุญ เกิดจากการหมดพิษสงทางใจ
เนื้อนาบุญเกิด เพราะได้รับการฝึกตามลำดับ
พินัยกรรมของ "พระสังฆบิดา"
ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์
บทนำ ว่าด้วย เรื่องที่ควรทราบก่อนเกี่ยวกับปฏิจจสมุปบาท
แถลงการณ์คณะผู้จัดทำ
สังคีติกาจารย์เล่าเรื่องการทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาทหลังการตรัสรู้
สิ่งที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท
เห็นปฏิจจสมุปบาท คือเห็นพระพุทธองค์
ปฏิจจสมุปบาท คืออริยญายธรรม (สิ่งที่ควรรู้อันประเสริฐ)
คนเราจิตยุ่ง เพราะไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท
ปฏิจจสมุปบาท เป็นชื่อแห่งทางสายกลาง
ทรงแนะนำอย่างยิ่งให้ศึกษาเรื่องปฏิจจสมุปบาท
คนเราไม่ปรินิพพานในทิฏฐธรรมเพราะไม่สามารถตัดกระแสแห่งปฏิจจสมุปบาท
หมวด 1 ว่าด้วย ลักษณะ - ความสำคัญ - และวัตถุประสงค์ ของเรื่องปฏิจจสมุปบาท
ก. ว่าด้วย ลักษณะ 6 เรื่อง
ความหมายของปฏิจจสมุปบาท แต่ละอาการ
ปฏิจจสมุปบาทแต่ละอาการเป็นปฏิจจสมุปปันนธรรม
ทรงขยายความปฏิจจสมุปบาท อย่างวิธีถามตอบ
ปัจจยาการแม่เพียงอาการเดียวก็ยังตรัสเรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท (อิทิปปัจจยตา)
แม้แสดงเพียงผัสสะให้เกิดเวทนาก็ยังเรียกว่าปฏิจจสมุปบาท
ทรงเปรียบปฏิจจสมุปบาทด้วยการขึ้นลงของน้ำทะเล
ข. ว่าด่วย ความสําคัญ 6 เรื่อง
การเห็นปฏิจจสมุปบาท ชื่อว่าการเห็นธรรม
ปฏิจจสมุปบาทคือกฎแห่งธรรมทิฏฐิ - ธรรมนิกาย (ในฐานะเป็นกฎสูงสุดของธรรมชาติ)
ปฏิจจสมุปบาท เป็นเรื่องลึกและดูลึก
ปฏิจจสมุปบาท เปนเรื่องลึกซึ้งเท่ากับเรื่องนิพพาน
นรกเพราะไม่รู้ปฏิจจสมุปบาทร้อนยิ่งกว่านรกไหนหมด
ผู้แสดงธรรมโดยหลักปฏิจจสมุปบาทเท่านั้นจึงชื่อว่า “เป็นธรรมกถึก”
ค. ว่าด่วย วัตถุประสงค์ 6 เรื่อง
ปฏิจจสมุปบาท ทําให้อยู่เหนือความมีและความไม่มีของสิ่งทั้งปวง
ไม่มีผู้นั้น หรือผู้อื่น ในปฏิจจสมุปบาท
กายนี้ไม่ใช่ของใคร เป็นเพียงกระแสปฏิจจสมุปบาท
ปฏิจจสมุปบาทเป็นธรรมที่ทรงแสดงเพื่อไม่ให้รู้สึกว่ามีสัตว์บุคคลตัวตนเราเขา (เพื่อขจัดสัสสตทิฏฐิเป็นต้น)
ปฏิจจสมุปบาท มีหลักว่า "ไม่มีตนเอง ไม่มีผู้อื่น ที่ก่อสุขและทุกข์"
การรู้ปฏิจจสมุปบาท เป็นหลักการพยากรณ์อรหัตตผล
หมวด 2 ว่าด้วย ปฏิจจสมุปบาทคือเรื่องอริยสัจสมบูรณ์แบบ
เรื่องปฏิจจสมุปบาท คือเรื่องอริยสัจ
ปฏิจจสมุปบาททุกอาการมีลักษณะแห่งความเป็นอริยสัจ 4
ปฏิจจสมุทบาท ซึ่งแสดงการก่อขึ้นแห่งทุกข์
ปฏิจจสมุทบาท ซึ่งแสดงการดับลงแห่งทุกข์
อริยสัจในรูปแห่งปฏิจจสมุทบาทมีในขณะแห่งเวทนา
อาการที่ยุ่งยากที่สุดของปฏิจจสมุทบาทคืออาการของตัณหา
ความเหนียวแน่นของสัสสตทิฏฐิปิดบังการเห็นอริยสัจ 4 จึงสงสัย ต่อหลักของอริยสัจหรือปฏิจจสมุทบาท
นัตถิกทิฏฐิปิดบังการเห็นอริยสัจ 4 จึงสงสัยต่อหลักของอริยสัจหรือ ปฏิจจสมุปบาท
ปฏิจจสมุทบาทรวมอยู่ในบรรดาเรื่องที่ใครคัดค้านไม่ได้
หมวด 3 ว่าด้วย บาลีที่แสดงว่า ปฏิจจสมุปบาทไม่ใช่เรื่องข้ามภพข้ามชาติ
ปฏิจจสมุปบาทมีเมื่อมีการกระทบทางอายตนะ (ไม่ต้องข้ามภพข้ามชาติ)
ปฏิจจสมุปบาทดับได้กลางสาย (โดยไม่ต้องข้ามภพข้ามชาติ)
นันทิเกิดเมื่อใด ก็มีปฏิจจสมุปบาทเมื่อนั้น
นันทิดับเมื่อใด ปฏิจจสมุปบาทดับเมื่อนั้น
ในภาษาปฏิจจสมุปบาทกรรมให้ผล ในอัตตภาพที่กระทํากรรม
เห็นปฏิจจสมุปบาท คือฉลาดในเรื่องกรรม
นามรูปหยั่งลง เพราะเห็นสัญโญชนิยธรรมโดยความเป็นอัสสาทะ
นามรูปไม่หยั่งลง เพราะเห็นสัญโญชนิยธรรมโดยความเป็นอาทีนวะ
ปฏิจจสมุปบาท ที่ตรัสระคนกับปัญจุปาทานขันธ์
หมวด 4 ว่าด้วย ปฏิจจสมุปบาทเกิดได้เสมอในชีวิตประจำวันของคนเรา
ปฏิจจสมุปบาทจะมีได้แก่ทารกเฉพาะที่โตขึ้นถึงขนาดรู้สึกยึดถือในเวทนา
ปัจจยาการแห่งเวทนา โดยละเอียด
อายตนะ คือ จุดตั้งต้นของปฏิจจสมุปบาท
การเกิดขึ้นแห่งไตรทวารขึ้นอยู่กับการเกิดขึ้นแห่งอวิชชาของปฏิจจสมุปบาท
อวิชชาสัมผัสคือต้นเหตุอันแท้จริงของปฏิจจสมุปบาท
นามรูปก้าวลง เมื่ออนุสัยก่อขึ้น
ตัณหาเกิดขึ้น เมื่ออนุสัยก่อขึ้น
ภพใหม่เกิดขึ้น เมื่ออนุสัยก่อขึ้น
การหยั่งลงแห่งวิญญาณเกิดมีขึ้นเมื่อเห็นสัญโญชนิยธรรมโดยความเป็นอัสสาทะ
การหยั่งลงแห่งวิญญาณไม่มีเพราะเห็นสัญโญชนิยธรรมโดยความเป็นอาทีนวะ
การเกิดแห่งโลก คือการเกิดแห่งกระแสปฏิจจสมุปบาทที่เกิดขึ้นในใจคน ทุกคราวไป
การดับแก่โลก คือการดับแห่งกระแสปฏิจจสมุปทาทที่ดับลงในใจคน ทุกคราวไป
หมวด 5 ว่าด้วย ปฏิจจสมุปบาทซึ่งแสดงการเกิดดับแห่งกิเลสและความทุกข์
ทรงแสดงอัตตวาทุปาทานในลักษณะแห่งปฏิจจสมุปบาท (ในธรรมวินัยนี้ มีการบัญญัติอุปาทาน 4 โดยสมบูรณ์)
เวทนาในปฏิจจสมุปบาท ให้เกิดอนุสัย 3
ปฏิจจสมุปบาทแห่งการเกิดสังขาร 4 ประเภท
(สังขารชนิดที่ 1 : ทิฏฐิปรารภขันธ์ 5)
(สังขารชนิดที่ 2 : สัสสตทิฏฐิ)
(สังขารชนิดที่ 3 : อุจเฉททิฏฐิ)
(สังขารชนิดที่ 4 : ลังเลในพระสัทธรรม)
การดับตัณหาเสียได้ก่อนแต่จะเกิดปฏิจจสมุปบาท
การสิ้นกรรม ตามแบบของปฏิจจสมุปบาท
อายตนะยังไม่ทําหน้าที่ปัญจุปาทานขันธ์ ก็ยังไม่เกิด
ปัญจุปาทานขันธ์เพิ่งจะมีเมื่อเกิดเวทนาในปฏิจจสมุปบาท
การเกิดแห่งโลก คือการเกิดแห่งปฏิจจสมุปบาท
ทุกข์เกิดเพราะเห็นอุปาทานิยธรรมโดยความเป็นอัสสทะ
ทุกข์เกิด เพราะเห็นสัญโญชนิยธรรมโดยความเป็นอัสสาทะ
แดนเกิดดับแห่งทุกข์ - โรค - ชรามรณะ
(สูตรที่ 1 : อายตนะภายใน 6)
(สูตรที่ 2 : อายตนะภายนอก 6)
(สูตรที่ 3 : วิญญาณ 6)
(สูตรที่ 4 : ผัสสะ 6)
(สูตรที่ 5 : เวทนา 6)
(สูตรที่ 6 : สัญญา 6)
(สูตรที่ 7 : สัญเจตนา 6)
(สูตรที่ 8 : ตัณหา 6)
(สูตรที่ 9 : ธาตุ 6)
(สูตรที่ 10 : ขันธ์ 5)
การดับแห่งโลก คือการดับแห่งปฏิจจสมุปบาท
ปฏิจจสมุปบาท (นิโรธวาร) ที่ตรัสอย่างเข้าใจง่ายที่สุด
ทุกข์ดับ เพราะเห็นอุปาทานิยธรรมโดยความเป็นอาทีนวะ
ทุกข์ดับ เพราะเห็นสัญโญชนิยธรรมโดยความเป็นอาทีนวะ
หมวด 6 ว่าด้วย ปฏิจจสมุปบาท ที่ตรัสรู้ในรูปของการปฏิบัติ
ตรัสว่า เรื่องปฏิจจสมุปบาทเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์
ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาทยังมีหน้าที่ ต้องเที่ยวแสวงหาครู
ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาทยังมีหน้าที่ ต้องทําการศึกษา
ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาทยังมีหน้าที่ ต้องบําเพ็ญโยคะ
ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาทยังมีหน้าที่ ต้องประกอบฉันทะ
ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาทยังมีหน้าที่ ต้องบําเพ็ญอุสโสฬ์หี
ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาทยังมีหน้าที่ ต้องบําเพ็ญอัปปฏิวานี
ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาทยังมีหน้าที่ ต้องประกอบความเพียรแผดเผากิเลส
ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาทยังมีหน้าที่ ต้องประกอบวิริยะ
ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาทยังมีหน้าที่ ต้องประกอบการกระทําอันติดต่อ
ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาทยังมีหน้าที่ ต้องอบรมสติ
ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาทยังมีหน้าที่ ต้องอบรมสัมปชัญญะ
ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาทยังมีหน้าที่ ต้องบําเพ็ญความไม่ประมาท
ทรงมุ่งหมายให้ปฏิจจสมุปบาทเป็นเรื่องการปฏิบัติ (มิใช่เป็นเพียงทฤษฎี)
การหลีกเร้นทําให้ง่ายแก่การรู้ปฏิจจสมุปบาท
การคิดค้นปฏิจจสมุปบาทก็คือการเดินตามอริยัฏฐังคิกมรรค
ปฏิบัติเพื่อการดับปฏิจจสมุปบาทชื่อว่าปฏิบัติธรรมสมควรแก้ธรรม
องค์ประกอบที่เป็นบุพพภาคของการดับแห่งปฏิจจสมุปบาท
ผัสสะ คือนิทานสัมภวะส่วนมากของนิพเพธิกธรรม (เรื่องนี้ใส่เข้ามาในฐานะที่เป็นหลักธรรมที่ช่วยปฏิบัติ)
ปฏิจจสมุปบาทแห่งการกําจัดอุปสรรคขณะเจริญสติปัฏฐาน
ปฏิจจสมุปบาท เพื่อสามัญญผลในปัจจุบัน (7 ประการ : อรหันต์ 2, อนาคามี 5)
ปฏิจจสมุปบาท เป็นสิ่งที่ต้องเห็นด้วยยถาภูตสัมมัปปัญญา แม้ที่ยังเป็นเสขะเป็นอย่างน้อย
แม้การทําความเพียรในที่สงัดก็ยังต้องปรารภขันธ์ 5 ตามวิธีการของปฏิจจสมุปบาท
แม้สุขทุกข์ในภายในก็เกิดขึ้นเพราะปรารภขันธ์ 5
ต้นเงื่อนของปฏิจจสมุปบาทละได้ด้วยการเห็นธรรมทั้งปวงว่าไมควรยึดมั่น
ต้นเงื่อน แห่งปฏิจจสมุปบาทละได้ด้วยการเห็นอนิจจัง
อาการแห่งอนิจจัง โดยละเอียด
เคล็ดลับในการปิดกั้นทางเกิดแห่งปฏิจจสมุปบาท
การพิจารณาปัจจัยในภายในคือการพิจารณาปฏิจจสมุปบาท
ธรรมปฏิบัติในรูปของปฏิจจสมุปบาทแห่งการละองค์ 3 ตามลําดับ
วิธีปฏิบัติต่ออาหารที่ 4 ในลักษณะที่เป็นปฏิจจสมุปบาท
ก. ว่าด้วยลักษณะอาหาร 4 โดยอุปมา
ข. ว่าด้วยยอาการเกิดดับแห่งอาหาร 4
ปัญจุปาทานขันธ์ไม่อาจจะเกิดเมื่อรู้เท่าทันเวทนาในปฎิจจสมุปบาท
การพิจารณาสภาวธรรมตามวิธีปฎิจจสมุปบาทกระทั่งวาระสุดท้าย
อนุสัยไม่อาจจะเกิดเมื่อรู้เท่าทันเวทนา ในปฏิจจสมุปบาท
ปฎิจจสมุปบาทสลายตัวเมื่อรู้แจ้งธรรม 5 อันเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน
ญาณวัตถุ 44 ในปฏิจจสมุปบาทเพื่อความเป็นโสดาบัน
ญาณวัตถุ 77 ในปฏิจจสมุปบาทเพื่อความเป็นโสดาบัน
การรู้ปฏิจจสมุปบาทไม่เกี่ยวกับการบรรลุอภิญญาเลยก็ได้
ปฏิจจสมุปบาทรอบสุดท้ายของคนเรา
หมวด 7 ว่าด้วย โทษของการไม่รู้และอานิสงส์ของการรู้ปฏิจจสมุปบาท
จิตสัตว์ยุ่งเป็นปมเพราะไม่เห็นแจ้งปฏิจจสมุปบาท
ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท โดยอาการแห่งอริยสัจ 4 ไม่สามารถก้าวล่วงปฏิจจสมุปปันนธรรม
สําหรับผู้ที่ไม่สามารถเข้าใจปฏิจจสมุปบาทยึดถือกายเป็นตัวตน ยังดีกว่ายึดถือจิตเป็นตัวตน
ทิฏฐิและการหยั่งลงแห่งทิฏฐิเนื่องมาจากการยึดซึ่งขันธ์ทั้ง 5
[1. อัตรา - อัตตนิยานุทิฏฐิ]
[2. สัสสตทิฏฐิ (ธรรมดา) ]
[3. อุจเฉททิฏฐิ (ธรรมดา) ]
[4. มิจฉาทิฏฐิ]
[5. สักกายทิฏฐิ]
[6. อัตตานุทิฏฐิ]
[7. สัญโญชนาภินิเวสวินิพันธะ]
[8. สัญโญชนาภินิเวสวินิพันธาชโฌสานะ]
ไม่ควบคุมรากฐานแห่งปฏิจจสมุปบาทจึงเกิดทุกข์
คนพาลกับบัณฑิตต่างกันโดยหลักปฏิจจสมุปบาท
เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้ปฏิจจสมุปบาทโดยนัย 4
เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้ชรามรณะโดยนัย 4
เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้ชาติโดยนัย 4
เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้ภพโดยนัย 4
เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้อุปาทานโดยนัย 4
เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้ตัณหาโดยนัย 4
เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้เวทนาโดยนัย 4
เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้ผัสสะโดยนัย 4
เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้สฬายตนะโดยนัย 4
เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้นามรูปโดยนัย 4
เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้วิญญาณโดยนัย 4
เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้สังขารโดยนัย 4
ควบคุมรากฐานแห่งปฏิจจสมุปบาทจึงเกิดสุข
ปฏิจจสมุปบาทอาการหนึ่ง (นันทิให้เกิดทุกข์) ถ้าเห็นแล้วทําให้หยุดความมั่นหมายในสิ่งทั้งปวง
พอรู้ปฏิจจสมุปบาท ก็หายตาบอดอย่างกะทันหัน
เพราะรู้ปฏิจจสมุปบาทจึงหมดความสงสัยเรื่องตัวตนทั้ง 3 กาล
การรู้เรื่องปฏิจจสมุปบาททําให้หมดปัญหาเกี่ยวกับขันธ์ในอดีต และอนาคต
ผลอานิสงส์ พิเศษ 8 ประการของการเห็นปฏิจจสมุปบาท
ผู้รู้ปฏิจจสมุปบาท โดยอาการแห่งอริยสัจทั้ง 4 ย่อมสามารถก้าวล่วงปฏิจจสมุปปันนธรรม
อานิสงส์ ของการถึงพร้อมด้วยทัสสนทิฏฐิ
สูตรที่ 1
สูตรที่ 2
สูตรที่ 3
สูตรที่ 4
สูตรที่ 5
สูตรที่ 6
สูตรที่ 7
สูตรที่ 8
สูตรที่ 9
สูตรที่ 10
ผู้เสร็จกิจในปฏิจจสมุปบาทชื่อว่าผู้บรรลุนิพพาน ในปัจจุบัน
อานิสงส์สูงสุด (อนุปาทิเสสนิพพาน)ของการพิจารณาปฏิจจสมุปบาทอย่างถูกวิธี
อุปปริกขีในปฏิจจสมุปบาท เป็นอุดมบุรุษ
บัณฑิต คือผู้ฉลาดในปฏิจจสมุปบาท
หมวด 8 ว่าด้วย ปฏิจจสมุปบาท เกี่ยวกับความเป็นพระพุทธเจ้า
ทรงเดินตามรอย แห่งพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ (ในกรณีของการค้นเรื่องปฏิจจสมุปบาท)
การคิดค้นปฏิจจสมุปบาท ก่อนการตรัสรู้
การคิดค้นปฏิจจสมุปบาทของพระพุทธเจ้าในอดีต 6 พระองค์
ทรงบันลือสีหนาทเพราะทรงรูปัจจัยแห่งความเกิดและความดับ
ทรงพยากรณ์แต่อริยญายธรรมเท่านั้น
ทรงชักชวนวิงวอนเหลือประมาณในความเพียรเพื่อกิจเกี่ยวกับ ปฏิจจสมุปบาท
ทรงแสดงธรรมเนื่องด้วยปฏิจจสมุปบาทมีความงามเบื้องต้น - ท่ามกลาง - เบื้องปลาย
ศาสดาและสาวกย่อมมีการกล่าวตรงกันในเรื่องปฏิจจสมุปบาท
หมวด 9 ว่าด้วย ปฏิจจสมุปบาท กับอริยสาวก
ทรงกําชับสาวกให้เล่าเรียนปฏิจจสมุปบาท
ไม่รู้เรื่องรากฐานแห่งปฏิจจสมุปบาทก็ยังไม่ใช่สาวกในศาสนานี้
อริยสาวก ย่อมรู้ปฏิจจสมุปบาทโดยไม่ต้องเชื่อผู้อื่น
อริยญายธรรมคือการรู้เรื่องปฏิจจสมุปบาท
การสนทนาของพระมหาสาวก (เรื่องปฏิจจสมุปบาท)
เวทนาของปุถุชน ต่างจากของอริยสาวก (ในแง่ของปฏิจจสมุปบาท)
อริยสาวกรู้ความเกิดและความดับของโลกอย่างไม่มีที่สงสัย
พระโสดาบัน คือผู้เห็นชัดปฏิจจสมุปบาทโดยวิธีแห่งอริยสัจ 4
โสตาปัตติยังคะขึ้นอยู่กับการรู้ปฏิจจสมุปบาทของอริยสาวก
สามัญญผลในพุทธศาสนาเทียบกันไม่ได้ กับในลัทธิอื่น
หมวด 10 ว่าด้วย ปฏิจจสมุปบาท นานาแบบ
ปฏิจจสมุปบาทที่ซ่อนอยู่ในปฏิจจสมุปบาท
ปฏิจจสมุปบาทที่ตรัสโดยพระพุทธเจ้าวิปัสสี ( : สุดลงเพียงแค่วิญญาณ)
ปฏิจจสมุปบาทแบบที่ตรัสเหมือนแบบของพระพุทธเจ้าวิปัสสี ( : สุดลงเพียงแค่วิญญาณ)
ปฏิจจสมุปบาทแบบที่ตั้งต้นด้วย อารัมมณเจตน - ปกัปปน - อนุสยะ
ปฏิจจสมุปบาท (สมุทยวาร) ที่ตรัสอย่างย่อที่สุด
ปฏิจจสมุปบาท (ทั้งสมุทยะและนิโรธวาร) ที่ตรัสอย่างสั้นที่สุด
ปฏิจจสมุปบาทแห่งอาหาร 4
ปฏิจจสมุปบาทแห่งอาหาร 4 เพื่อภูตสัตว์ และ สัมภเวสีสัตว์
ปฏิจจสมุปบาทแห่งอภัททกาลกิริยา (ตายชั่ว)
ปฏิจจสมุปบาทแห่งทุพพลภาวะของมนุษย์
ปฏิจจสมุปบาทแห่งมิคสัญญีสัตถันตรกัป
ปฏิจจสมุปบาทแห่งอารัมมณลาภนานัตตะ (การได้อารมณ์ 6)
ปฏิจจสมุปบาทแห่งการปฏิบัติผิดโดยไตรทวาร
ปฏิจจสมุปบาทแห่งกามปฏิบัติชอบโดยไตรทวาร
ปฏิจจสมุปบาทแห่งการรบราฆ่าฟันกัน (ซึ่งน่าอัศจรรย์)
ปฏิจจสมุปบาทแห่งกลวิวาทนิโรธ
ปฏิจจสมุปบาทแห่งการอยู่อย่างมี "เพื่อนสอง"
ปฏิจจสมุปบาทแห่งการอยู่อย่างมี "เพื่อนคนเดียว"
ปฏิจจสมุปบาทแห่งการอยู่ด้วยความประมาท
ปฏิจจสมุปบาทแห่งปปัญจสัญญาสังขาสมุทาจรณะ
ปฏิจจสมุปบาทแห่งปปัญจสัญญาอันทําความเนิ่นช้า แก่การละอนุสัย
ปฏิจจสมุปบาทแห่งการดับปปัญจสัญญาสังขา
ปฏิจจสมุปบาทที่ยิ่งกว่าปฏิจจสมุปบาท (มี 24 อาการ)
ปฏิจจสมุปบาทแห่งอาหารของอวิชชา
ปฏิจจสมุปบาทแห่งอาหารของภวตัณหา
ปฏิจจสมุปบาทแห่งอาหารของวิชชาและวิมุตติ
ปฏิจจสมุปบาทแห่งวิชชาและวิมุตติ (โดยสังเขป)
ปฏิจจสมุปบาทแห่งปฏิสรณาการ
ปฏิจจสมุปบาทแห่งสัจจานุโพธ และผลถัดไป
ปฏิจจสมุปบาทแห่งการอยู่ด้วยความประมาทของอริยสาวก
ปฏิจจสมุปบาทแห่งการขาดที่อิงอาศัยสําหรับวิมุตติญาณทัสสนะ
ปฏิจจสมุปบาทเพื่อความสมบูรณ์แห่งอรหัตตผล
ปฏิจจสมุปบาทแห่งบรมสัจจะ
ปฏิจจสมุปบาทแห่งสุวิมุตตจิต
ปฏิจจสมุปบาทแห่งการปรินิพพานเฉพาะตน
ปฏิจจสมุปบาทแห่งการดับอุปาทาน 4
ปฏิจจสมุปบาทแห่งความสิ้นสุดของโลก
หมวด 11 ว่าด้วย ลัทธิหรือทิฏฐิที่ขัดกันกับปฏิจจสมุปบาท ( : มิจฉาทิฏฐิ )
สัมมาทิฏฐิ คือทิฏฐิที่ปราศจากอัตถิตาและนัตถิตา
ปฏิจจสมุปบาท มีหลักว่า "ไม่มีตนเอง ไม่มีผู้อื่น ที่ก่อทุกข์"
แม้ทุกข์ในลัทธิทั้งหลายอื่นก็มีผัสสะเป็นจุดตั้งต้น
พวกกัมมวาทีทุกพวก กับหลักปฏิจจสมุปบาท
เงื่อนงําที่อาจนําไปสู่สัสสตทิฏฐิหรืออุจเฉททิฏฐิในอาการหนึ่งๆ ของปฏิจจสมุปบาท
โลกายตะ 4 ชนิด ที่ทรงปฏิเสธ
ทิฏฐิชั้นหัวหน้า 18 อย่างล้วนแต่ปรารภธรรมที่เป็นฐานะ 6 อย่าง
[ทิฏฐิที่ 1 : เอสิกัฏฐายิฏฐิตสัสสตทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 2 : อัตตา - อัตตนิยานุทิฏฐิ
[ทิฏฐิที่ 3 : สัสสตทิฏฐิ (ทั่วไป)]
[ทิฏฐิที่ 4 อุจเฉททิฏฐิ(ทั่วไป)]
[ทิฏฐิที่ 5 : นัตถิกทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 6 : อกิริยทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 7 : อเหตุกทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 8 : สัตตกายทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 9 : สัสสตโลกทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 10 : อสัสสตโลกทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 11 : อันตวันตโลกทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 12 : อนันตวันตโลกทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 13 : ตังชีวตังสรีรทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 14 : อัญญังชีวอัญญังสรีรทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 15 : โหติตถาคโตทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 16 : นโหติตถาคโตทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 17 : โหติจนจโหติทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 18 : เนวโหตินนโหติทิฏฐิ]
ทิฏฐิ 26 อย่าง ล้วนแต่ปรารภขันธ์ 5
[ทิฏฐิที่ 1 : เอสิกัฏฐายิฏฐิตทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 2 : อัตตา - อัตตนิยานุทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 3 : สัสสตทิฏฐิ (ทั่วไป)]
[ทิฏฐิที่ 4 : อุจเฉททิฏฐิ (ทั่วไป)]
[ทิฏฐิที่ 5 : นัตถิกทิฏฐิ (ทั่วไป)]
[ทิฏฐิที่ 6 : อกิริยทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 7 : อเหตุกทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 8 : สัตตกายทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 9 : สัสสตโลกทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 10 : อสัสสตโลกทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 11 : อันตวันตโลกทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 12 : อันตวันตโลกทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 13 : อันตวันตโลกทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 14 : อัญญังชีวอัญญังสรีรทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 15 : โหติตถาคโตทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 16 : นโหติตถาคโตทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 17 : โหติจนจโหติทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 18 : เนวโหตินนโหติทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 19 : รูปีอัตตาทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 20 : นโหติตถาคโตทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 21 : รูปีจอรูปีจอัตตาทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 22 : เนวรูปีนารูปีจอัตตาทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 23 : เอกันตสุขีอัตตาทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 24 : เอกันตทุกขีอัตตาทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 25 : สุขทุกขีอัตตาทิฏฐิ]
[ทิฏฐิที่ 26 : เอกันตทุกขีอัตตาทิฏฐิ]
อันตคาหิกทิฏฐิ 10 2,200 นัยล้วนแต่เป็นไปในขันธ์ 5
ล้วนแต่ปิดบังการเห็นปฏิจจสมุปบาท
ผัสสะ คือปัจจัยแห่งทิฏฐิ 62
ทิฏฐิ 62 เป็นเพียงความรู้สึกผิดๆ ของผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท
ผัสสะ (แห่งปฏิจจสมุปบาท) คือที่มาของทิฏฐิ 62
ทิฏฐิ 62 เป็นผลของการไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท
[ หมวด 1 ปุพพันตกัปปิกวาท 18 ประการ ]
(ก. สัสสตทิฏฐิ 4 ประการ)
(ข. เอกัจจสัสสติก - เอกัจจอสัสสติกทิฏฐิ 4 ประการ)
(ค. อันตานันติกทิฏฐ 4 ประการ)
(ฆ. อมราวิกเขปิกทิฏฐิ 4 ประการ)
(ง. อธิจจสมุปปันทิกทิฏฐิ 2 ประการ)
[หมวด 2 อปรันตกัปปิกวาท 44 ประการ]
(จ. อุทธมาฆตนิก ชนิด สัญญีทิฏฐิ 16 ประการ)
(ฉ. อุทธมาฆตนิก ชนิด อสัญญีทิฏฐิ 9 ประการ)
(ช. อุทธมาฆตนิก ชนิด เนวสัญญีนาสัญญีทิฏฐิ 8 ประการ)
(ฌ. อุจเฉททิฏฐิ 7 ประการ)
(ญ. ทิฏฐธัมมนิพพานทิฏฐิ 5 ประการ)
ถ้ารู้ปฏิจจสมุปบาทก็จะไม่เกิดทิฏฐิอย่างพวกตาบอดคลําช้าง
หมวด 12 ว่าด้วย ปฏิจจสมุปบาทที่ส่อไปในทางภาษาคน - เพื่อศีลธรรม
ทรงขยายความปฏิจจสมุปบาท อย่างประหลาด
ธาตุ 3 อย่างเป็นที่ตั้งแห่งความเป็นไปได้ของปฏิจจสมุปบาท
บทสรุป ว่าด้วย คุณค่าพิเศษ ของปฏิจจสมุปบาท
ปฏิจจสมุปบาทคือเรื่องความไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนเราเขา
ที่สุดแห่งปฏิจจสมุปบาทคือที่สุดแห่งภพ
ธรรมไหลไปสู่ธรรม โดยไม่ต้องมีใครเจตนา
แม้พระพุทธองค์ก็ทรงสาธยายปฏิจจสมุปบาท (เกียรติสูงสุดของปฏิจจสมุปบาท)
เรื่องปฏิจจสมุปบาทรวมอยู่ในเรื่องที่พุทธบริษัทควรทําสังคีติ
อายตนกุสลตา - ความเป็นผู้ฉลาดในอายตนะ 1
ปฏิจจสมุปบาทกุสลตา - ความเป็นผู้ฉลาดในปฏิจจสมุปบาท 1
หนังสือเล่มอื่นในชุดธรรมโฆษณ์
ธรรมะเล่มน้อย
ภาวะธรรมดาแห่งชีวิตมนุษย์
จิตตภาวนาคือชีวิตพัฒนา
ผลของจิตตภาวนาคือ มรรค ผล นิพพาน
ผลของจิตตภาวนาคือ มรรค ผล นิพพาน (ต่อ)
จิตตภาวนาในแง่ของไสยศาสตร์
แนวสังเขปทั่วๆ ไปของการพัฒนา
มองดูปริทัศน์แห่งชีวิตในทุกแง่ทุกมุม
พฤกษาแห่งชีวิตชนิดสมบูรณ์แบบ
อะไรๆ ในชีวิต สักแต่ว่าเป็นเรื่องของจิตสิ่งเดียว
อะไรๆ ก็เป็นสักแต่ว่าธาตุ
สังขารและวิสังขาร
สรุปความธรรมะเล่มน้อย
อานาปานสติภาวนา
ภาคนำ
ตอน 1 การมีศีล และธุดงค์
ตอน 2 บุพพภาคทั่วไป ของการเจริญสมาธิ
ตอน 3 ความมุ่งหมายอันแท้จริงของบุพพกิจ
ตอน 4 บุพพกิจโดยเฉพาะของการเจริญสมาธิ
ภาคอานาปานสติภาวนา
จตุกกะที่ 1 กายานุปัสสนา
ตอน 5 อานาปานสติ ขั้นที่ 1 การกำหนดลมหายใจยาว
ตอน 6 อานาปานสติ ขั้นที่ 2 การกำหนดลมหายใจสั้น
ตอน 7 อานาปานสติ ขั้นที่ 3 การกำหนดลมหายใจทั้งปวง
ตอน 8 อานาปานสติ ขั้นที่ 4 การทำกายสังขารให้รำงับ
จตุกกะที่ 2 เวทนานุปัสสนา
ตอน 9 อานาปานสติ ขั้นที่ 5 การกำหนดปีติ
ตอน 10 อานาปานสติ ขั้นที่ 6 การกำหนดสุข
ตอน 11 อานาปานสติ ขั้นที่ 7 การกำหนดจิตตสังขาร
ตอน 12 อานาปานสติ ขั้นที่ 8 การทำจิตสังขารให้รำงับ
จตุกกะที่ 3 จิตตานุปัสสนา
ตอน 13 อานาปานสติ ขั้นที่ 9 การรู้พร้อมซึ่งจิต
ตอน 14 อานาปานสติ ขั้นที่ 10 การทำจิตให้ปราโมทย์
ตอน 15 อานาปานสติ ขั้นที่ 11 การทำจิตให้ตั้งมั่น
ตอน 16 อานาปานสติ ขั้นที่ 12 การทำจิตให้ปล่อย
จตุกกะที่ 4 ธัมมานุปัสสนา
ตอน 17 อานาปานสติ ขั้นที่ 13 การเห็นความไม่เที่ยง
ตอน 18 อานาปานสติ ขั้นที่ 14 การเห็นความจางคลาย
ตอน 19 อานาปานสติ ขั้นที่ 15 การเห็นความดับไม่เหลือ
ตอน 20 อานาปานสติ ขั้นที่ 16 การเห็นความสลัดคืน
ภาคผนวก
ตอน 21 ผนวก 1 ญาณเนื่องด้วยอานาปานสติ 11 หมวด
ตอน 22 ผนวก 2 การตัดสัญโญชน์ ของอริยมรรคทั้ง 4
ตอน 23 ผนวก 3 พระพุทธวจนะ เนื่องด้วยอานาปานสติ
ตอน 24 ผนวก 4 บทสวดอานาปานสติปาฐะ แปล
อิทัปปัจจยตา
อิทัปปัจจยตา ในฐานะเป็น พุทธวจนะที่ถูกมองข้าม
อิทัปปัจจยตา ในฐานะเป็น วิชา หรือศาสตร์ทั้งปวงของโลก
อิทัปปัจจยตา ในฐานะเป็น "ตัวเรา" ในทุกความหมาย ทุกอิริยาบถ
อิทัปปัจจยตา ในฐานะเป็น "พระเป็นเจ้า"
อิทัปปัจจยตา ในฐานะเป็น วิวัฒนาการทุกแขนง แห่งชีวิต
อิทัปปัจจยตา ในฐานะเป็น ธรรม หรือสิ่งทั้งปวง รอบตัวเรา
อิทัปปัจจยตา ในฐานะเป็น พระรัตนตรัย และ ไตรสิกขา
อิทัปปัจจยตา ในฐานะเป็น สิ่งต่อรองเพื่อทำความเข้าใจระหว่างศาสนา
อิทัปปัจจยตา ในฐานะเป็น สิ่งที่ฆราวาสต้องเรียนรู้ และปฏิบัติ
อิทัปปัจจยตา ในฐานะเป็น กฎ ที่เหนือกฎทั้งหลาย
อิทัปปัจจยตา ในฐานะเป็น กฎแห่งกรรม, กรรม, และกัมมักขัย
อิทัปปัจจยตา ในฐานะเป็น กฎแห่งกรรม, กรรม, และกัมมักขัย (ต่อ)
อิทัปปัจจยตา ในฐานะเป็น ปฏิจจสมุปบาท ต่างๆ แบบ
พระบาลีอิทัปปัจจยตา สำหรับสวด
มนุสสธรรม
ปฐมนิเทศ [ : การปรับทำความเข้าใจกันในเบื้องต้น ]
1. ธรรมะในฐานะที่เป็นมนุษยธรรม
2. มนุษยธรรมนั่นแหละ คือหลักสูตรสอบไล่ตามทางธรรม
3. มนุษยธรรม ไม่ใช่ความวิปริตของมนุษย์
4. มนุษยธรรม เป็นปัจจัยที่ 5
5. ความกำกวม ระหว่างมนุษยธรรมกับอารยธรรม
6. ปัญหาที่แตกต่าง ระหว่างมนุษยธรรมกับอารยธรรม
7. ศาสนาทั้งหลาย อยู่ในฐานะที่เป็นมนุษยธรรม
8. วิวัฒนาการ ของมนุษยธรรมในรูปของสิ่งที่เรียกว่าศาสนา
9. ความดึงถ่วงกัน ระหว่างมนุษยธรรมกับอารยธรรม
10. ดูให้ดี มีอนารยธรรมอยู่ 2 ชนิด
11. มนุษยธรรม ตามทัศนะของพุทธบริษัท
12. มนุษยธรรม ถึงจุดสูงสุดอยู่ที่พุทธภาวะ
13. มนุษยธรรมขั้นสุดยอด กับอารยธรรมขั้นเด็กอมมือ
14. ปัญหาสับสนเกี่ยวกับคำว่า "ตน"
15. ปัญหาสับสนเกี่ยวกับคำว่า "ตน" (ต่อ)
16. มันไม่ใข่ตน ทำไมจึงเกิดรู้สึกว่าตน ?
17. ความรู้สึกว่า "ตน" เกิดขึ้นได้อย่างไร
18. สิ่งที่เรียกว่าจิต นั้นคืออะไร
19. สิ่งที่เรียกว่ากิเลส นั้นคืออะไร
20. สิ่งที่เรียกว่าทิฏฐิ นั้นคืออะไร
21. สิ่งที่เรียกว่าทิฏฐิ นั้นคืออะไร (ต่อ)
22. สังสารวัฏฏ์ คืออะไร
23. การเผชิญกรรมในแง่ของมนุษยธรรม
24. อัฏฐังคิกมรรคในแง่ของมนุษยธรรม
25. มัชฌิมาปฏิปทาในพระพุทธศาสนา
26. มัชฌิมาปฏิปทาที่อยู่ในรูปของศีลธรรม
27. ศีลธรรมในฐานะที่เป็นรากฐานของมนุษยธรรม
28. ศีลธรรมหรือมนุษยธรรมในฐานะที่เป็นวัฒนธรรม
29. มนุษยธรรมกับมนุษยชน
30. โลกกำลังมีอะไรๆ เพื่อจุดจบของมนุษยธรรม
31. โลกที่ไร้มนุษยธรรม จักอยู่ในภาวะอย่างไร
32. จะช่วยกันอย่างไร โลกจึงจะยังคงมีมนุษยธรรม
33. จะช่วยกันอย่างไร โลกจึงจะยังคงมีมนุษยธรรม (ต่อ)
34. จะช่วยกันอย่างไร โลกจึงจะยังคงมีมนุษยธรรม (ต่อ)
35. พุทธบริษัทรับผิดชอบในเรื่องนี้อย่างไรและเพียงไร
ตุลาการิกธรรม เล่ม 1
คำบรรยายชุดที่ 1 อบรมรุ่น 2499
ใจความสำคัญของพุทธศาสนา
ไตรลักษณ์
อุปาทาน 4
ไตรสิกขา
เบญจขันธ์
สมาธิ และ วิปัสสนา ตามธรรมชาติ
สมาธิ และ วิปัสสนา ตามหลักวิชาในรูปเทคนิค
อริยบุคคล กับ การละกิเลส
พุทธศาสนา กับ คนทั่วไป
ตุลาการตามอุดมคติ แห่ง พระพุทธศาสนา
คำบรรยายชุดที่ 2 อบรมรุ่น 2500
ความต่างระหว่างศีลธรรม กับ พุทธศาสนา
หลักปฏิบัติ เกี่ยวกับ ศีลธรรมและศาสนา
หลักปฏิบัติ เกี่ยวกับ การถึงพระรัตนตรัย
หลักปฏิบัติ เกี่ยวกับ กรรมตามหลักแห่งพระพุทธศาสนา
หลักปฏิบัติ เกี่ยวกับ วัฏฏสงสาร และกิเลส
หลักปฏิบัติ เกี่ยวกับ การถูกลวง ด้วยของเป็นคู่
หลักปฏิบัติ เกี่ยวกับ การถูกลวง ด้วยของเป็นคู่ (ต่อ)
วัตถุนิยม กับ พุทธศาสนา
โลกธรรม กับ คนเรา
นิพพาน ที่สุดของโลก
กล่าวสรุปการบรรยาย และ ตอบปัญหา
ตุลาการิกธรรม เล่ม 2
ตุลาการิกธรรม เล่ม 3
คำบรรยายชุดที่ 5 อบรมรุ่น 2504
หลักพระพุทธศาสนา และการเข้าถึง
สิ่งที่พระพุทธเจ้านำมาสอน
ปฏิจจสมุปบาท
กรรม การเกิดใหม่ สังสารวัฏฏ์
มายา กับ ของจริง
อนัตตา
สิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์จะพึงได้
ความสัมพันธ์ของธรรมทั้งปวง
ลัทธินิกาย และความเป็นมาแห่งศาสนา
ธรรมกับตุลาการ
ตอบปัญหา
คำบรรยายชุดที่ 6 อบรมรุ่น 2505
ศีลธรรม และหลักพระพุทธศาสนา
ปรัชญาของศีลธรรม
สิ่งที่เรียกว่าศาสนา
ประโยชน์ของศาสนา
หลักสำคัญในพระพุทธศาสนา (: ก.หลักทั่วไป)
หลักสำคัญในพระพุทธศาสนา (: ข.หลักพื้นฐาน)
หลักสำคัญในพระพุทธศาสนา (: ค.หลักที่ต้องเข้าใจโดยละเอียดเรื่องความไม่ยึดมั่น)
หลักสำคัญในพระพุทธศาสนา (: ง.หลักปฏิบัติเพื่อความไม่ยึดมั่น)
ธรรมสโมธาน : การประชุมธรรมทั้งปวงลงในความไม่ยึดมั่น
ธรรมสโมธาน (ต่อ) และตอบปัญหาเรื่องมิติที่สี่
บรมธรรม ภาคต้น
ภาคนำ
รูปโครงของพุทธศาสนา
เรื่องเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า
ภาคเรื่อง
เรื่องเกี่ยวกับการบวช
เรื่องความหมายของการบวช
เรื่องวัตถุนิยม กับ มโนนิยม
สิ่งที่เรียกว่า "บรมธรรม"
สิ่งที่เรียกว่า "หนทาง"
ระดับของบรมธรรม
บรมธรรม กับ การศึกษาของโลก ปัจจุบัน
บรมธรรม กับ ชีวิตนักศึกษา
บรมธรรม กับ ระบบการเมือง
บรมธรรม กับ การพัฒนา
บรมธรรม กับ การแก้ไขสถานการณ์ของโลก
บรมธรรม กับ สื่อมวลชน
บรมธรรม กับ การเกิดของฮิปปี้
บรมธรรม กับ เด็กทารก
บรมธรรม กับ การทำงาน
บรมธรรม กับ ชาวบ้าน
บรมธรรม กับ การมีอุดมคติ
บรมธรรม กับ ปูชนียวัตถุ
บรมธรรม กับ กามวัตถุ
บรมธรรม กับ การรู้เท่าทันเนื้อหนัง
บรมธรรม กับ การแก้ปัญหาไม่ถูกจุด
บรมธรรม ภาคปลาย
บรมธรรม กับ งานสังคมสงเคราะห์
บรมธรรม กับ การพูดกันไม่รู้เรื่อง
บรมธรรม ในฐานะเป็นที่หยุดการดิ้นรนของจิตใจ
บรมธรรม กับ ความเป็นไทย
บรมธรรม กับ สรณาคมน์
บรมธรรม กับ อธิจิตตาโยค
บรมธรรม กับ ธรรมชาติของจิต
การฝึกจิต เพื่อ บรมธรรม
การฝึกจิต ที่ยังไม่เจาะจงบรมธรรม
อานาปานสติ ที่เป็นไปเพื่อบรมธรรม
ความลับและอุบายในอานาปานสติ
การฝึกอานาปานสติ หมวดที่ 1
การฝึกอานาปานสติ ขั้นที่ 1-2
การฝึกอานาปานสติ ขั้นที่ 3
การฝึกอานาปานสติ ขั้นที่ 4
การฝึกอานาปานสติ หมวดที่ 2
การฝึกอานาปานสติ หมวดที่ 3
การฝึกอานาปานสติ หมวดที่ 4
อานาปานสติประยุกต์
อานาปานสติประยุกต์ (ต่อ)
การบังคับจิตระบบอื่นนอกพุทธศาสนา
ปัญหาที่โลกนี้ไม่ได้บังคับจิตเพื่อบรมธรรม
หลักพระพุทธศาสนาที่ยังเข้าใจผิดอยู่
อิทัปปัจจยตาในฐานะสิ่งสูงสุดแห่งพระพุทธศาสนา
จิตว่าง หรือสุญญตาวิหาร จำเป็นสำหรับมนุษย์
จิตว่าง หรือสุญญตาวิหาร จำเป็นสำหรับมนุษย์ (ต่อ)
สันโดษไม่เป็นอุปสรรคแก่การพัฒนา
การอยู่ด้วยปัจจุบัน ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต
เกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า “การเกิด”
เกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า “พระเจ้า”
เรื่องเกี่ยวกับนิพพานในทุกแง่ทุกมุม
เรื่องเกี่ยวกับสังสารวัฏฏ์
เรื่องที่เกี่ยวกับโลกและธรรม
พุทธศาสตร์กับไสยศาสตร์
×
ไปยังหน้า :
คลิก
คำค้น :
ค้นหาจาก :
เนื้อหา
เชิงอรรถ
ค้นหาใน :
ทุกเล่ม
เลือกหนังสือ
ระบุ :
ธรรมโฆษณ์อรรถานุกรม
ตอน 1 ว่าด้วย สัตว์โลกกับจตุราริยสัจ
ตอน 2 ว่าด้วย ชีวิตมนุษย์กับจตุราริยสัจ
ตอน 3 ว่าด้วย พระพุทธองค์กับจตุราริยสัจ
ตอน 4 ว่าด้วย การรู้อริยสัจไม่เป็นสิ่งสุดวิสัย
ตอน 5 ว่าด้วย คุณค่าของอริยสัจ
ตอน 6 ว่าด้วย เค้าโครงของอริยสัจ
นิทเทศ 1 ว่าด้วย ประเภทและอาการแห่งทุกข์ตามหลักทั่วไป
นิทเทศ 2 ว่าด้วย ทุกข์สรุปในปัญจุปาทานขันธ์
นิทเทศ 3 ว่าด้วย หลักเบ็ดเตล็ดเกี่ยวกับความทุกข์
นิทเทศ 4 ว่าด้วย ลักษณะแห่งตัณหา
นิทเทศ 5 ว่าด้วย ที่เกิดและการเกิดแห่งตัณหา
นิทเทศ 6 ว่าด้วย อาการที่ตัณหาทำให้เกิดทุกข์
นิทเทศ 7 ว่าด้วย ทิฏฐิที่เกี่ยวกับตัณหา
นิทเทศ 8 ว่าด้วย กิเลสทั้งหลายในฐานะสมุทัย
นิทเทศ 9 ว่าด้วย ความดับแห่งตัณหา
นิทเทศ 10 ว่าด้วย ธรรมเป็นที่ดับแห่งตัณหา
นิทเทศ 11 ว่าด้วย ผู้ดับตัณหา
นิทเทศ 12 ว่าด้วย อาการดับแห่งตัณหา
นิทเทศ 13 ว่าด้วย ข้อความนำมรรค
นิทเทศ 14 ว่าด้วย สัมมาทิฏฐิ
นิทเทศ 15 ว่าด้วย สัมมาสังกัปปะ
นิทเทศ 16 ว่าด้วย สัมมาวาจา
นิทเทศ 17 ว่าด้วย สัมมากัมมันตะ
นิทเทศ 18 ว่าด้วย สัมมาอาชีวะ
นิทเทศ 19 ว่าด้วย สัมมาวายามะ
นิทเทศ 20 ว่าด้วย สัมมาสติ
นิทเทศ 21 ว่าด้วย สัมมาสมาธิ
นิทเทศ 22 ว่าด้วย ข้อความสรุปเรื่องมรรค
ภาคสรุป ว่าด้วย ข้อความสรุปท้ายเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
ภาคผนวก ว่าด้วย เรื่องนำมาผนวกเพื่อความสะดวกแก่การอ้างอิง ฯ
ภาคนำ ข้อความให้เกิดความสนใจในพุทธประวัติ
ภาค 1 เริ่มแต่การเกิดแห่งสากยวงศ์ จนถึงออกผนวช
ภาค 2 เริ่มแต่ออกผนวชแล้ว จนถึง ได้ตรัสรู้
ภาค 3 เริ่มแต่ได้ตรัสรู้แล้ว จนถึง โปรดปัญจวัคคีย์
ภาค 4 เริ่มแต่โปรดปัญจวัคคีย์แล้ว จนถึง จวนจะปรินิพพาน
ภาค 5 การปรินิพพาน
ภาค 6 การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
หมวดที่ 1 ว่าด้วย การทุศิล
หมวดที่ 2 ว่าด้วย การไม่สังวร
หมวดที่ 3 ว่าด้วย เกียรติและลาภสักการะ
หมวดที่ 4 ว่าด้วย การทำไปตามอำนาจกิเลส
หมวดที่ 5 ว่าด้วย การเป็นทาสตัณหา
หมวดที่ 6 ว่าด้วย การหละหลวมในธรรม
หมวดที่ 7 ว่าด้วย การลืมคำปฏิญาณ
หมวดที่ 8 ว่าด้วย พิษสงทางใจ
หมวดที่ 9 ว่าด้วย การเสียความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่
หมวดที่ 10 ว่าด้วย การมีศีล
หมวดที่ 11 ว่าด้วย การมีสังวร
หมวดที่ 12 ว่าด้วย การเป็นอยู่ชอบ
หมวดที่ 13 ว่าด้วย การไม่ทำไปตามอำนาจกิเลส
หมวดที่ 14 ว่าด้วย การไม่เป็นทาสตัณหา
หมวดที่ 15 ว่าด้วย การไม่หละหลวมในธรรม
หมวดที่ 16 ว่าด้วย การไม่ลืมคำปฏิญาณ
หมวดที่ 17 ว่าด้วย การหมดพิษสงทางใจ
หมวดที่ 18 ว่าด้วย การไม่เสียความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่
หมวดที่ 19 ว่าด้วย เนื้อนาบุญของโลก
บทนำ ว่าด้วย เรื่องที่ควรทราบก่อนเกี่ยวกับปฏิจจสมุปบาท
หมวด 1 ว่าด้วย ลักษณะ - ความสำคัญ - และวัตถุประสงค์ ของเรื่องปฏิจจสมุปบาท
หมวด 2 ว่าด้วย ปฏิจจสมุปบาทคือเรื่องอริยสัจสมบูรณ์แบบ
หมวด 3 ว่าด้วย บาลีที่แสดงว่า ปฏิจจสมุปบาทไม่ใช่เรื่องข้ามภพข้ามชาติ
หมวด 4 ว่าด้วย ปฏิจจสมุปบาทเกิดได้เสมอในชีวิตประจำวันของคนเรา
หมวด 5 ว่าด้วย ปฏิจจสมุปบาทซึ่งแสดงการเกิดดับแห่งกิเลสและความทุกข์
หมวด 6 ว่าด้วย ปฏิจจสมุปบาท ที่ตรัสรู้ในรูปของการปฏิบัติ
หมวด 7 ว่าด้วย โทษของการไม่รู้และอานิสงส์ของการรู้ปฏิจจสมุปบาท
หมวด 8 ว่าด้วย ปฏิจจสมุปบาท เกี่ยวกับความเป็นพระพุทธเจ้า
หมวด 9 ว่าด้วย ปฏิจจสมุปบาท กับอริยสาวก
หมวด 10 ว่าด้วย ปฏิจจสมุปบาท นานาแบบ
หมวด 11 ว่าด้วย ลัทธิหรือทิฏฐิที่ขัดกันกับปฏิจจสมุปบาท ( : มิจฉาทิฏฐิ )
หมวด 12 ว่าด้วย ปฏิจจสมุปบาทที่ส่อไปในทางภาษาคน - เพื่อศีลธรรม
บทสรุป ว่าด้วย คุณค่าพิเศษ ของปฏิจจสมุปบาท
ธรรมะเล่มน้อย
อานาปานสติภาวนา
อิทัปปัจจยตา
มนุสสธรรม
ตุลาการิกธรรม เล่ม 1
ตุลาการิกธรรม เล่ม 2
ตุลาการิกธรรม เล่ม 3
บรมธรรม ภาคต้น
บรมธรรม ภาคปลาย
หลักพระพุทธศาสนาที่ยังเข้าใจผิดอยู่
สารบัญ
กำลังค้นหา ..
×
8 เมษายน 2564
เริ่มนำเข้าข้อมูล
2 กรกฏาคม 2564
นำเข้าข้อมูลหนังสืออริยสัจ จากพระโอษฐ์ ภาคต้น-ปลาย เสร็จ
5 กรกฏาคม 2564
เริ่มเชื่อมโยงหนังสือธรรมะใกล้มือเข้ากับระบบ
11 กรกฏาคม 2564
เริ่มเชื่อมโยงเสียงอ่านเข้ากับระบบ
×
×
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พิมพ์ครั้งที่ ๓๑
×
อัตถจารี ผู้นำเข้าข้อมูล (เรียงตามตัวอักษร)
คุณ กนกพร อัมพวัน
คุณ กมนวรรณ พุทธาภิรัตน์
คุณ ปรางทิพย์ สายชล
คุณ พรทิพย์ พรมมาฎร์
คุณ รุ่งทิวา สารันต์
คุณ สายชล ทันนิเทศ
คุณ สุธาธาร จารุพินิจกุล
อาสาช่วยพิมพ์หนังสือธรรมะเล่มน้อย
เสียงอ่านหนังสือ
คุณ อาจิต โตเกียรติรุ่งเรือง
อัตถจารี ผู้พัฒนาระบบ
หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ
[
Font :
15 ]
|
|
การฝึกอานาปานสติ ขั้นที่ 3
สพฺพกายปฏิสํเวที อสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติ
สพฺพกายปฏิสํเวที ปสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติ ฯ
×
เชื่อมโยงพระไตรปิฏก :
ฉบับภาษาไทย
ฉบับบาลีอักษรไทย
เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"
เกี่ยวกับอัตถจารี
|
เกี่ยวกับการพัฒนา
|
แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ
mysql extension is deprecated since PHP 5.5.0, consider using mysqli