ไปยังหน้า : |
[Font : 15 ]
|
| | |
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! ก็พระผู้มีพระภาคมิได้ทรงกระทำอิทธิปาฎิหาริย์ที่ยิ่งกว่าธรรมดาแห่งมนุษย์ แก่ข้าพระองค์เลย."
สุนักขัตตะ! เราได้กล่าวอย่งนี้กะเธอบ้างหรือว่า "สุนักขัตตะ! เธอจงมาอยู่กะเรา, เราจักกระทำอิธิปาฎิหาริย์ที่ยิ่งกว่าธรรมดาแห่งมนุษย์แก่เธอ"ดังนี้? "หามิได้ พระเจ้าข้า!" หรือว่า เธอได้กล่าวกะเราอย่างนี้ว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! ข้าพระองค์จักอยู่กะพระผู้มีพระภาค, พระผู้มีพระภาคจักกระทำอิทธิปาฎิหาริย์ที่ยิ่งกว่าธรรมดาแห่งมนุษย์แก่ข้าพระองค์" ดังนี้? "หามิได้ พระเจ้าข้า!"----
โมฆบุรุษ! เมื่อเป็นอย่างนั้น ใครมีอยู่ (ในฐานะเป็นคู่สัญญา), เธอจักบอกคืนกะใคร. สุนักขัตตะ! เธอจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : อิทธิปาฎิหาริย์ที่ยิ่งกว่าธรรมดาแห่งมนุษย์ จะเป็นสิ่งที่เรากระทำแล้วหรือมิได้กระทำก็ตาม; ธรรมที่เราแสดงแล้ว เพื่อประโยชน์แก่การสิ้นทุกข์โดยชอบใด ธรรมนั้นจะนำผู้ปฎิบัติตาม เพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ หรือไม่? "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! อิทธิปาฎิหาริย์ที่ยิ่งกว่าธรรมดาแห่งมนุษย์ จะเป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคกระทำแล้วหรือมิได้กระทำก็ตาม; ธรรมที่พระผู้มีพระภาคแสดงแล้ว เพื่อประโยชน์แก่การสิ้นทุกข์โดยชอบใดธรรมนั้น ก็ยังคงนำผู้ปฎิบัติตามเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ, พระเจ้าข้า".
สุนักขัตตะ! เมื่อฟังได้อย่างนี้, ในเรื่องนั้น ใครจะทำอิทธิหาฎิหาริย์ที่ยิ่งกว่าธรรมดาแห่งมนุษย์ไปทำไม. โมฆบุรุษ! เธอจงเห็นตามที่มันเป็นความผิดของเธอเองเพียงไร.
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! ก็พระผู้มีพระภาคมิได้ทรงบัญญัติสิ่งที่คน ท. สมมติกันว่าเลิศ แก่ข้าพระองค์เลย".
สุนักขัตตถ! เราได้กล่าวอย่างนี้กะเธอบ้างหรือว่า "สุนักขัตตะ! เธอจงมาอยู่กะเรา, เราจักบัญญัติสิ่งที่คน ท. สมมติกันว่าเลิศแก่เธอ" ดังนี้? "หามิได้พระเจ้าข้า!" หรือว่า เธอได้กล่าวกะเราอย่างนี้ว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! ข้าพระองค์จักอยู่กะพระผู้มีพระภาค, พระผู้มีพระภาคจักบัญญัติสิ่งที่คน ท. สมมติกันว่าเลิศแก่ข้าพระองค์" ดังนี้? "หามิได้ พระเจ้าข้า!"----
โมฆบุรุษ! เมื่อเป็นอย่างนั้น ใครมีอยู่ (ในฐานะเป็นคู่สัญญา), เธอจักบอกคืนกะใคร. สุนักขัตตะ! เธอจะสำคัญข้อนี้อย่างไร : สิ่งที่คน ท. สมมติกันว่าเลิศ จะเป็นสิ่งที่เราบัญญัติแล้วหรือมิได้บัญญัติก็ตาม; ธรรมที่เราแสดงแล้วเพื่อประโยชน์แก่การสิ้นทุกข์โดยชอบใด ธรรมนั้นจะนำผู้ปฎิบัติตามเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ หรือไม่? "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! สิ่งที่คน ท. สมมติกันว่าเลิศ จะเป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคบัญญัติแล้วหรือมิได้บัญญัติก็ตาม; ธรรมที่พระผู้มีพระภาคแสดงแล้วเพื่อประโยชน์แก่การสิ้นทุกข์โดยชอบใด ธรรมนั้นจะนำผู้ปฎิบัติตามเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ,พระเจ้าข้า".
สุนักขัตตะ! เมื่อฟังได้อย่างนี้, ในเรื่องนั้น ใครจะกระทำการบัญญัติสิ่งที่คน ท. สมมติกันว่าเลิศไปทำไม. โมฆบุรุษ! เธอจงเห็นตามที่มันเป็นความผิดของเธอเองเพียงไร.
หมายเหตุ : จากการโต้ตอบกันสองครั้งนี้ มีการแสดงให้เห็นอยู่แล้วว่ามีปาฎิหาริย์อย่างสูงสุดอยู่ในธรรมะที่พระองค์ทรงแสดงแล้ว; กล่าวคือจะมีการแสดงปาฎิหาริย์ในรูปแบบอื่น ๆ อีกหรือไม่ก็ตาม ธรรมะนั้นย่อมดับทุกข์ได้อยู่ตลอดเวลา. พวกคนเขลาไม่มองเห็นว่าภาวะการณ์เช่นนี้เป็นปาฎิหาริย์อันสูงสุด กลับต้องการจะให้ทรงแสดงปาฎิหาริย์ชนิดที่ควรจะเรียกว่า "ของแปลกประหลาดสำหรับคนโง่" เหมือนที่คนทั่วไปเขาชอบดูกัน. แม้กระนั้นพระองค์ก็ยังทรงมีการแสดงปาฎิหาริย์ในระดับนั้นด้วยเหมือนกัน ดังที่ได้ทรงทวงให้สุนักขัตตลิจฉวีบุตรระลึกถึงเรื่องบางเรื่อง ที่ได้เป็นไปแล้วอย่างลักษณะของปาฎิหาริย์ เช่นเรื่องกุกกุรวัตติกอเจลกได้ตายลงไปจริงๆ ภายใน 7 วัน ดังที่พระองค์ทรงพยากรณ์; และเรื่องกฬารมัชฌกอเจลก ผู้แสดงการประพฤติวัตรอย่างเคร่งครัดจนคนทั้งหลายถือกันว่าเป็นพระอรหันต์, แต่ในที่สุดก็สึกออกไปมีภรรยา ดังที่พระองค์ทรงพยากรณ์ไว้. สุนักขัตตลิจฉวีบุตรก็จำนนต่อถ้อยคำของตนเอง ในการที่กล่าวตัดพ้อพระองค์ว่าไม่ทรงแสดงปาฎิหาริย์เสียเลย. -ผู้รวบรวม.
- บาลี ปาฎิกสูตร ปา. ที. 11/3/2. เป็นถ้อยคำในเรื่องที่ตรัสเล่าแก่ภัคควโคตตปริพพาชกที่อารามของเขา.