ไปยังหน้า : |
[Font : 15 ]
|
| | |
ภิกษุ ท.! ภิกษุนั้น, ครั้นจิตตั้งมั่น บริสุทธิ์ผ่องใส่ ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติ อ่อนโยนควรแก่การงาน ตั้งอยู่ได้อย่างไม่หวั่นไหว เช่นนี้แล้ว, เธอก็น้อฝจิตไปเฉพาะต่อปุพเพนิวาสานุสสติญาณ. เธอระลึกถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อนได้หลายประการ คือ เธอระลึกชาติได้ หนึ่งบ้าง สองชาติ สามชาติ สี่ชาติ ห้าชาติบ้าง, สิบชาติ ยี่สิบชาติ สามสิบชาติ สี่สิบชาติ ห้าสิบชาติบ้าง, ร้อยชาติ พันชาติ แสนชาติบ้าง, ตลอดหลายสังวัฏฏกัปป์ หลายวิวัฏฏกัปป์ หลายสังวัฏฏกัปป์ และวิวัฏฏกัปป์บ้าง, ว่าเมื่อเราอยู่ในภพโน้น มีชื่ออย่างนั้น มีโคตร มีวรรณะ มีอาหาร อย่างนั้นๆ, เสวยสุชและทุกข์เช่นนั้นๆ มีอายุสุดลงเท่านั้น; ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้เกิดในภพโน้น มีชื่อ โคตร วรรณะ อาหาร อย่างนั้นๆ, ได้เสวยสุขและทุกข์เช่นนั้น ๆ มีอายุสุดลงเท่านั้น; ครั้นจุติจากภพนั้น ๆๆๆ แล้วมาเกิดในภาพนั้นนี้. เธอระลึกถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อนได้หลายประการ พร้อมทั้งอาการและลักษณะ ดังนี้.
ภิกษุ ท.! เปรียบเหมือนชายผู้หนึ่ง ออกจากบ้านตนเองไปบ้านคนอื่น แล้วออกจากบ้านนั้นไปสู่บ้านอื่นอีก แล้วออกจากบ้านนั้นๆ กลับมาสู่บ้านของตนเอง เขาจะระลึกได้อย่างนี้ว่า เราออกจากบ้านตนเองไปสู่บ้านโน้น ที่บ้านโน้นนั้น เราได้ยืน ได้นั่ง ได้พูด ได้นิ่ง อย่างนั้นๆ, ครั้นออกจากบ้านนั้นแล้ว ได้ไปสู่บ้านโน้นอีก, แม้ที่บ้านโน้นนั้น เราได้ยิน ได้นั่ง ได้พูด ได้นิ่ง อย่างนั้น ๆ, เราออกจากบ้านนั้นแล้ว กลับมาสู่บ้านของตนเอง, ข้อนี้เป็นฉันใด; ภิกษุ ท.! ระลึกถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อนได้หลายประการ ---ฯลฯ---พร้อมทั้งอาการและลักษณะเช่นนี้, ฉันนั้นเหมือนกัน.
- บาลี พระพุทธภาษิต มหาอัสสปุรสูตร มู.ม. 12/507/475.