ไปยังหน้า : |
[Font : 15 ]
|
| | |
องค์ประกอบที่เป็นบุพพภาคของการดับแห่งปฏิจจสมุปบาทPTC123
(มาคัณฑิยปริพพาชก ได้กราบทูลว่า “ข้าพเจ้าเลื่อมใสต่อพระโคดมอย่างนี้แล้ว, ท่านพระโคดมจะสามารถเพื่อแสดงธรรมแก่ข้าพเจ้า โดยประการที่ข้าพเจ้า จะลุกขึ้นจากอาสนะนี้ ในลักษณะแห่งผู้หายตาบอดได้ไหม พระเจ้าข้า ?”. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า:-)
ดูก่อนมาคัณฑิยะ ! ถ้าอย่างนั้น ท่านควรคบสัตบุรุษ.
ดูก่อนมาคัณฑิยะ ! เมื่อใดท่านคบสัตบุรุษ, เมื่อนั้นท่านจักได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ.
ดูก่อนมาคัณฑิยะ ! เมื่อใดท่านได้ฟังธรรมของสัตบุรษ, เมื่อนั้น ท่านจักปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม.
ดูก่อนมาคัณฑิยะ ! เมื่อใดท่านได้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมแล้ว, เมื่อนั้นท่าน จักรู้เอง เห็นเอง โดยแท้ ว่า นี้คือโรค, นี้คือหัวฝี, นี้คือลูกศร ;
โรค หัวฝี ลูกศร ทั้งหลาย ในกรณีนี้, ย่อมดับไปโดยไม่มีส่วนเหลือ (ในลักษณะเดียวกันกับข้อที่ว่า:-)
เพราะความดับแห่งอุปาทานของเรานั้น จึงมีความดับแห่งภพ ;
เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ ;
เพราะมีความดับแห่งชาตินั้นแล ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น.
ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้”, ดังนี้.
หมายเหตุผู้รวบรวม : ผู้ศึกษาพึงทราบว่า โรค, หัวฝี, ลูกศร, ในที่นี้คือทุกข์อันเกิดจากตัณหา. ตัณหาใดๆ ล้วนแต่ต้องมาจากเวทนา ซึ่งออกมาจากการสัมผัสอารมณ์ด้วยอวิชชา ด้วยกันทั้งนั้น ; และตัณหานั้น ย่อมส่งต่อไปให้เกิดอุปาทาน ภพ ชาติ ชรามรณะอันเป็นที่ตั้งแห่งทุกข์. การที่จะรู้จักหัวฝี ลูกศร เป็นต้น แล้วกำจัดเสียให้ได้นั้นต้องอาศัยการปฏิบัติธรรมโดยสมควรแก่ธรรมของสัตบุรษ ; ดังนั้น การที่ทุกคนคบสัตบุรษฟังธรรมเข้าใจแล้วปฏิบัติอยู่อย่างถูกต้อง ไม่ว่าในรูปลักษณะใด ย่อมเป็นการกระทำชนิดที่เป็นบุรพภาคแห่งการทำลายกระแสแห่งปฏิจจสมุปบาท เพื่อการดับทุกข์ ด้วยกันทั้งนั้น. ถ้าผิดไปจากนี้ ย่อมไม่มีความหมายอะไร และมิใช่การปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา.