ไปยังหน้า : |
[Font : 15 ]
|
| | |
1. พยัญชนะ : อายตนะโดยพยัญชนะ : คือ สิ่งหรือเครื่องเชื่อมต่อ การติดต่อ ทางติดต่อ หรือบ่อเกิด.
2. อรรถะ : อายตนะโดยอรรถะ : แบ่งเป็น 3 นัย :
นัยที่ 1 : สิ่งที่ถึง คือ รู้สึกได้ด้วยการติดต่อ (อายตนะภายนอก).
นัยที่ 2 : สิ่งซึ่งทำหน้าที่ติดต่อ (อายตนะภายใน).
นัยที่ 3 : การกระทำซึ่งเป็นการติดต่อให้ลุถึงผลที่ต้องการจะติดต่อ : เช่น การฟังธรรม, การแสดงธรรม, การสาธยายธรรม, การใคร่ครวญธรรม เป็นต้น; ซึ่งเรียกว่า “วิมุตตายตนะ” อันเป็นเหตุให้ถึง “วิมุตติ”.
3. ไวพจน์ : อายตนะโดยไวพจน์ : คือ อินทรีย์ (สำหรับอายตนะภายใน), อารมณ์ (สำหรับอายตนะภายนอก), โลก (สำหรับปรากฏการณ์ทั้งภายใน และภายนอก).
4. องค์ประกอบ : อายตนะโดยองค์ประกอบ :
4.1 องค์ประกอบของอายตนะภายในที่เป็นรูปธรรม (คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย) ต้องประกอบด้วย : อวัยวะสำหรับอายตนะนั้นๆ ระบบประสาทและจิตที่จะทำหน้าที่เกี่ยวกับอวัยวะ หรือระบบประสาทนั้น ; ส่วนระบบที่เป็นนามธรรม (คือใจ) ไม่ต้องมีอวัยวะ ; มีแต่สิ่งที่ทำหน้าที่อย่างเดียวกับระบบประสาทและจิต ; (เชื่อกันว่า น่าจะได้แก่สิ่งที่เรียกกันว่า หทยวัตถุ).
4.2 ส่วนอายตนะภายนอกนั้น : ประกอบขึ้นด้วยธาตุ ตามลักษณะของอายตนะนั้นๆ คือ :
รูปธาตุ : สำหรับอายตนะประเภทรูป : คือ รูป, เสียง, กลิ่น, รส , โผฏฐัพพะ.
อรูปธาตุ : สำหรับอายตนะที่เป็นนาม คือ ธัมมายตนะ ซึ่งเรียกว่า : อากาสานัญจายตนะA105, วิญญาณัญจายตนะA106, อากิญจัญญายตนะA107, เนวสัญญานาสัญญายตนะA108.
4.3 ส่วนอสังขตธาตุ หรือนิโรธธาตุนั้น : ใช้สำหรับนิพพานายตนะ (นิพพาน) โดยเฉพาะ; ซึ่งก็เป็นอายตนะอย่างหนึ่งด้วยเหมือนกัน.
5. ลักษณะ : อายตนะโดยลักษณะ :
5.1 อายตนะภายในและอายตนะภายนอก มีลักษณะเหมือนเครื่องรับเครื่องส่งแก่กันและกัน.
5.2 อรูปายตนะ มีลักษณะที่อาจรู้สึกได้โดยไม่ต้องมีการรับการส่ง.
5.3 ส่วนนิพพานายตนะนั้น ไม่มีลักษณะ.
6. อาการ : อายตนะโดยอาการ : คือ
6.1 อายตนะภายในมีอาการแห่งการรับ อายตนะภายนอกมีอาการแห่งการส่ง.
6.2 อรูปายตนะ มีอาการที่ไม่รับไม่ส่ง แต่รู้สึกได้.
6.3 ส่วนนิพพานายตนะ ไม่มีอาการ.
7. ประเภท : อายตนะโดยประเภท :
7.1 แบ่งโดยประเภทสอง :
นัยที่ 1 :
1. อายตนะภายใน.
2. อายตนะภายนอก.
นัยที่ 2 :
1. สังขตธรรม.
2. อสังขตธรรม.
7.2 แบ่งโดยประเภทสาม :
1. รูปธรรม.
2. อรูปธรรม.
3. อพยากตธรรม. (ที่ไม่ใช่ทั้งรูปและอรูป)
7.3 แบ่งโดยประเภทสี่ : ฝ่ายอรูปธรรม แบ่งตามชื่อของ อรูปฌาน เช่น อากาสานัญจายตนะ ฯลฯ
7.4 แบ่งโดยประเภทหก : แบ่งตามจำนวนของอายตนะฝ่ายรูปธรรม : คือ ตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย, ใจ และคู่ของมัน : เช่น ตาคู่กับรูป, หูคู่กับเสียง ฯลฯ
ส่วนอายตนะฝ่ายอสังขตะไม่มีประเภท (มีอย่างเดียว คือ นิพพานายตนะ).
8. กฎเกณฑ์ : อายตนะโดยกฎเกณฑ์ :
8.1 อายตนะฝ่ายสังขตะ เป็นสังขารธรรม คือ เป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตา ; ทั้งฝ่ายเกิดและฝ่ายดับ.
8.2 ส่วนอายตนะฝ่ายอสังขตะ เป็นวิสังขารธรรม อยู่เหนือกฎเกณฑ์ หรือไม่มีกฎเกณฑ์.
9. สัจจะ : อายตนะโดยสัจจะ :
9.1 ถ้ารู้จักปฏิบัติต่ออายตนะอย่างถูกต้อง ก็จะหมดปัญหาโดยประการทั้งปวง.
9.2 สุข ทุกข์ หรืออะไรจะเกิดขึ้น ก็เนื่องจากการกระทำถูกหรือกระทำผิดต่อกฏอิทัปปัจจยตา ที่เนื่องด้วยการกระทบของอายตนะนั้น.
9.3 อายตนะภายใน คือ ตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย, ใจ มิได้เกิดอยู่ตลอดเวลา ; จะเรียกว่าเกิดได้ ก็ต่อเมื่อมันทำหน้าที่.
9.4 อายตนะภายในเป็นสิ่งที่จะต้องควบคุม อายตนะภายนอกเป็นสิ่งที่จะต้องระวังอยู่ตลอดเวลา.
9.5 การบรรลุมรรค ผล นิพพาน ก็ยังต้องอาศัยการปฏิบัติที่เกี่ยวกับอายตนะ.
9.6 นรกก็อยู่ที่อายตนะ สวรรค์ก็อยู่ที่อายตนะ ; เมื่อกระทำผิดหรือกระทำถูกต่อกฎอิทัปปัจจยตา.
9.7 ไม่มีอายตนะก็เท่ากับไม่มีสิ่งใดๆ.
10. หน้าที่ : อายตนะโดยหน้าที่ :
10.1 อายตนะภายในมีหน้าที่รับอารมณ์.
10.2 อายตนะภายนอกมีหน้าที่ให้คุณค่าทางอารมณ์.
10.3 ส่วนอายตนะที่เป็นอรูปธรรม คือ อรูปฌาน ; และอายตนะที่เป็นอสังขตธรรม คือ นิพพาน ไม่มีหน้าที่.
11. อุปมา : อายตนะโดยอุปมา :
11.1 อายตนะฝ่ายรูปธรรม : อุปมาด้วยบ่วงคล้องจิตสัตว์ ให้อยู่ในอำนาจของตัณหา ; เสมือนมหาสมุทรที่ตกจมของจิตสัตว์.
11.2 อายตนะฝ่ายอรูปธรรม : อุปมาเสมือนที่หลบซ่อนจากภัยอันเกิดจากรูปธรรม.
11.3 อายตนะฝ่ายอสังขตะ : คือ นิพพาน อุปมาเสมือนที่อยู่เหนือทุกข์ภัยโดยประการทั้งปวง.
12. สมุทัย : อายตนะโดยสมุทัย :
12.1 การทำหน้าที่ของธาตุ ที่ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า อายตนะ.
12.2 การกระทบของอายตนะนั่นเอง ที่ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า อายตนะ. (เมื่ออายตนะทำงานเรียกว่า อายตนะเกิด).
12.3 ความมีอยู่แห่งนามรูป เป็นแดนเกิดแห่งอายตนะ (นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ).
13. อัตถังคมะ : อายตนะโดยอัตถังคมะ :
13.1 เมื่อธาตุไม่ทำหน้าที่ อายตนะ ก็ไม่เกิด.
13.2 เมื่อไม่มีการกระทบของอายตนะ สิ่งที่เรียกว่า อายตนะ ก็ไม่มี.
13.3 ความไม่มีอยู่แห่งนามรูปเป็นแดนดับแห่งอายตนะ (นามรูปนิโรธา สฬายตนนิโรโธ),
13.4 อายตนะฝ่ายอสังขตะ คือ นิพพาน ไม่มีอัตถังคมะ.
14. อัสสาทะ : อายตนะโดยอัสสาทะ :
14.1 อายตนะ 6 ได้รับการประพฤติต่ออย่างถูกต้อง เป็นที่เกิดแห่งสวรรค์ ; ชนิดที่พระองค์ตรัสเรียกว่า “สฬายตนิกสคฺคามยา ทิฏฺฐา” (สวรรค์ที่อายตนะหกฉันเห็นแล้ว).
14.2 มีคุณค่าให้เกิดความยินดี, รักใคร่, พอใจ, หลงใหล, เอร็ดอร่อย ; จนทำให้เป็นทาสของอายตนะ.
15. อาทีนวะ : อายตนะโดยอาทีนวะ :
15.1 อายตนะ 6 ที่ได้รับการประพฤติต่ออย่างไม่ถูกต้อง เป็นที่เกิดแห่งนรก ; ชนิดที่พระองค์ตรัสเรียกว่า “สฬายตนิกนิรยามยา ทิฏฺฐา” (นรกที่อายตนะ 6 ฉันเห็นแล้ว).
15.2 มีอัสสาทะหรือรสอร่อยอันเป็นมายาหลอกลวง ที่ทำให้สามัญสัตว์หรือปุถุชนทั้งหลาย ตกเป็นทาสโดยไม่รู้สึกตัว.
15.3 เป็นต้นตอของปัญหา คือ ให้เกิดกิเลสขึ้น ; ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ.
15.4 เป็นจุดตั้งต้นของกรรมและวิบากกรรม.
15.5 เป็นต้นตอแห่งความเห็นแก่ตัว ทั้งแง่บวกและแง่ลบ.
15.6 เป็นที่เกิด ที่ตั้ง ที่เจริญของกิเลส (โรคทางวิญญาณ).
16. นิสสรณะ : อายตนะโดยนิสสรณะ : ทางออกจากอิทธิพลของอายตนะ :
16.1 ความมีสติสัมปชัญญะปัญญา อันเพียงพอในขณะแห่งผัสสะ.
16.2 ความเห็นแจ้งประจักษ์ในอนัตตตา หรือสุญญตาของอายตนะ (จนมีอตัมมยตา).
17. ทางปฏิบัติ : อายตนะโดยทางปฏิบัติ :
17.1 มีสติเมื่อสัมผัสอายตนะ.
17.2 เสวยเวทนาจากอายตนะใดๆ ; แล้วก็ไม่เป็นทาสแห่งอายตนะนั้น ; ทั้งทางบวกและทางลบ.
17.3 รู้จักปฏิบัติต่ออายตนะให้ถูกต้องตามกฎอิทัปปัจจยตา คือ ไม่เกิดอุปาทานในอายตนะใดๆ.
17.4 ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอริยมรรคมีองค์ 8 ก็จะไม่เกิดความทุกข์หรือปัญหาทุกอย่างที่เนื่องด้วยอายตนะ.
17.5 ใช้อายตนะทั้งทางรูปธรรมและอรูปธรรม เป็นบันไดสู่อายตนะอันเป็นอสังขตะ.
18. อานิสงส์ : อายตนะโดยอานิสงส์ :
นัยที่ 1 : อานิสงส์ของการมีอายตนะ : คือ ทำให้มีโอกาสและความเป็นไปได้แห่งการสัมผัส และศึกษาธรรมทั้งปวง (ไม่มีอายตนะ ไม่มีโอกาสศึกษาสิ่งใดๆ).
นัยที่ 2 : อานิสงส์ของการปฏิบัติต่ออายตนะอย่างถูกต้อง : คือ ทำให้อยู่เหนือความทุกข์ทั้งปวง.
19. หนทางถลำ : อายตนะโดยหนทางถลำ : เข้าสู่ความเป็นทาสของอายตนะ :
19.1 การดำเนินชีวิตอย่างไม่มีกฎเกณฑ์.
19.2 ความเป็นอยู่ที่ปราศจากสติสัมปชัญญะ.
19.3 การอยู่ในท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ยั่วยวนอายตนะ.
19.4 การตกเป็นทาสของโฆษณา.
20. สิ่งที่ต้องเกี่ยวข้อง : อายตนะโดยสิ่งที่ต้องเกี่ยวข้อง : กับการมีหรือการใช้อายตนะ :
20.1 ความรู้ที่ถูกต้องและเพียงพอ (สัมมาทิฏฐิ, สัมมาสติ, สัมมาญาณ).
20.2 หลักธรรมพื้นฐาน : คือ สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ หรือสัปปุริสธรรม 7A109.
21. ภาษาคน - ภาษาธรรม : อายตนะโดยภาษาคน - ภาษาธรรม :
21.1 ภาษาคน : สิ่งที่คนไม่รู้จักและไม่อยากจะรู้จัก.
ภาษาธรรม : สิ่งที่ประกอบกันขึ้นเป็นตัวคนนั่นเอง.
21.2 ภาษาคน : ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.
ภาษาธรรม : สิ่งที่ทำหน้าที่รู้สึกและถูกรู้สึก.
ธรรมโฆษณ์ที่แนะนำให้อ่าน
1. ธรรมศาสตรา เล่ม 1
2. ธรรมะเล่มน้อย
3. ปรมัตถสภาวธรรม