ไปยังหน้า : |
[Font : 15 ]
|
| | |
1. พยัญชนะ : ตัณหาโดยพยัญชนะ : คือ ยางเหนียว.
2. อรรถะ : ตัณหาโดยอรรถะ :
2.1 ต้องการด้วยอำนาจของอวิชา เป็นไปได้ทั้งทางบวกและทางลบ.
2.2 กิเลสที่นำไปสู่ภพ คือความเป็นอย่างอื่น.
2.3 ความกำหนัดอยู่ด้วยความเพลินในอารมณ์นั้นๆ.
2.4 มูลเหตุแห่งอุปาทานและทุกข์.
2.5 เครื่องผูกสัตว์ให้ติดอยู่กับความว่ายเวียน.
3. ไวพจน์ : ตัณหาโดยไวพจน์ : คือ โลภะ, อภิชณา, นันทิราคะ, ชัปปา, สิพพินี.
4. องค์ประกอบ : ตัณหาโดยองค์ประกอบ : คือ ความกำหนัดยินดี, ความต้องการ, อวิชชา.
5. ลักษณะ : ตัณหาโดยลักษณะ :
5.1 หวังด้วยอวิชชา, พยายามด้วยอวิชชา, ได้ผลและเสวยผลด้วยอวิชชา, หวังต่อไปด้วยอวิชชา.
5.2 ตัณหามีลักษณะวิ่งออกหน้าสิ่งที่มาสนองความอยากเสมอไปอย่างที่ไม่มีเวลาจะทันกันหรือหยุดอยาก.
6. อาการ : ตัณหาโดยอาการ : คือ หิวด้วยอวิชชา; ดิ้นรนกระเสือกกระสนด้วยอวิชชา ; ตะกละตะกรามด้วยอวิชชา ; บริโภคด้วยอวิชชา ; ก่อให้เกิดอุปาทาน.
7. ประเภท : ตัณหาโดยประเภท :
7.1 แบ่งโดยประเภทสาม :
1. กามตัณหา : ตัณหาในกาม.
2. ภวตัณหา : ตัณหาในความมีความเป็น.
3. วิภวตัณหา : ตัณหาในความไม่มีไม่เป็น.
7.2 แบ่งโดยประเภทสอง :
1. ตัณหาชนิดที่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์.
2. ตัณหาชนิดที่ไม่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์และเพื่อดับทุกข์; เรียกโดยโวหารพิเศษว่า ธัมมตัณหา, ธัมมกาโม, ธัมมนันทิ ซึ่งเป็นตัณหาในการที่จะละตัณหา.
7.3 ตัณหาที่แจกตามอารมณ์ของตัณหา : มี 6 : คือ รูปตัณหา, สัททตัณหา, คันธตัณหา, โผฏฐัพพตัณหา, ธัมมตัณหา.
8. กฏเกณฑ์ : ตัณหาโดยกฏเกณฑ์ :
8.1 ความอยากที่จะเรียกว่าตัณหา ก็ต่อเมื่ออยากด้วยอวิชา. ถ้าอยากด้วยปัญญาหรือวิชชา เรียกว่าสังกัปปะ.
8.2 ผัสสะด้วยอวิชา เป็นจุดตั้งต้นของตัณหา.
8.3 เมื่อใดรู้ว่าตัณหาเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ เมื่อนั้นก็รู็จักจุดที่จะตัดต้นเหตุแห่งความทุกข์.
9. สัจจะ : ตัณหาโดยสัจจะ :
9.1 ตัณหาเป็นสมุทัยแห่งความทุกข์.
9.2 ตัณหามีการไหล และพาผู้มีตัณหาให้ไหล; เหมือนกระแสน้ำพาของลอยน้ำให้ไหล.
9.3 ตัณหาทำให้มีความหมายแห่งอดีต ปัจจุบัน อนาคต.
9.4 ตัณหาไม่มีการอิ่มการพอ จนกว่าจะได้ตัดต้นเหตุของมันเสีย ก็จะมีความอื่มความพอขึ้นมาเอง.
9.5 การตัดความรู้สึกอยาก ย่อมดีกว่าสนองความอยาก ด้วยสิ่งที่มันอยาก.
9.6 แม้จะหมดตัณหาคนก็ไม่ตาย ; ความไม่มีตัณหาเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิต.
9.7 ต้องไม่ดำรงชีวิตอยู่ด้วยตัณหา แต่ด้วยเมตตาและปัญญา จึงจะไม่เป็นทุกข์.
9.8 ถ้ามีตัณหา แม้อยู่คนเดียวก็เท่ากับอยู่ด้วยคนจำนวนมาก; แม้อยู่ด้วยคนจำนวนมาก ถ้าไม่มีตัณหาก็เท่ากับอยู่คนเดียว.
10. หน้าที่ : ตัณหาโดยหน้าที่ : ตัณหาไม่มีหน้าที่ : แต่คนมีหน้าที่ป้องกันและกำจัดตัณหา.
11. อุปมา : ตัณหาโดยอุปมา : เปรียบเสมือน:
11.1 ผืนข่านและแหอวน เป็นที่ติดของปวงสัตว์ ยิ่งกว่าข่ายใดๆ.
11.2 กลุ่มด้วยยุ่ง ยากที่จะสางออก.
11.3 แม่น้ำที่ไหลไปได้ทั่วจักวาลและทั่วทุกภพ.
11.4 หลาวเหล็กที่เสียบแทงจิตใจ.
11.5 นายช่างปลูกเรือน: คือสร้างภพ, สร้างชาติ, สำหรับเป็นทุกข์เรื่อยไป.
12. สมุทัย : ตัณหาโดยสมุทัย :
12.1 สมุทัยโดยตรง : คือเวทนาเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา.
12.2 โดยเงื่อนไขต้นที่สุด : คืออวิชชาทำให้เกิดตัณหา.
12.3 สมุทัยโดยวงกว้าง : เรียกว่า ปิยรูป สาตรูปA26 ได้แก่อารมณ์ทั้ง 6 ในขั้นตอนต่างๆ กันสิบขั้นตอนA27 ในฐานะเป็นที่ตั้งแห่งการเกิด แต่ก็เป็นที่ตั้งแห่งการดับด้วย.
13. อัตถังคมะ : ตัณหาโดยอัตถังคมะ : คือ การขาดเหตุปัจจัยตามคราว ; หรือการมีสติมาทันเวลาตามคราว.
14. อัสสาทะ : ตัณหาโดยอัสสาทะ : คือ ความรู้สึกพอใจยินดี กำหนัดเพลิดเพลิน ในอารมณ์นั้นๆ ในภพนั้นๆ.
15. อาทีนวะ : ตัณหาโดยอาทีนวะ :
15.1 ตัณหาเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ โดยผ่านทางอุปาทาน.
15.2 ตัณหาให้เกิดทุกข์ในกรณีนั้นๆ : ให้เกิดภพใหม่ในกรณีที่ต่างออกไป; เป็นเครื่องเย็บร้อยสัตว์ ให้ติดอยู่กับความทุกข์หรือภพนั้นๆ.
16. นิสสรณะ : ตัณหาโดยนิสสรณะ : การออกจากตัณหา คือ การเป็นอยู่ด้วยอริยอัฏฐังคิกมรรค; ปฏิบัติในอริยมรรคมีองค์8 อยู่ตลอดเวลาตัณหาไม่มีทางเกิด.
17. ทางปฏิบัติ : ตัณหาโดยทางปฏิบัติ : เพื่อออกจากการตกเป็นทาสของตัณหา :
17.1 มีสติเพื่อการเป็นอยู่ด้วยอริยอัฏฐังคิกมรรค.
17.2 มีสติสัมปชัญญะในขณะแห่งผัสสะ หรือในขณะแห่งเวทนา.
18. อานิสงส์ : ตัณหาโดยอานิสงส์ : ไม่มีอานิสงส์จากตัณหา. แต่มีอานิสงส์จากการกำจัดตัณหาคือไม่เกิดทุกข์โดยประการทั้งปวง.
19. หนทางถลำ : ตัณหาโดยหนทางถลำ :
19.1 เข้าไปอยู่ใต้อิทธิพลของตัณหา : คือ การเป็นอยู่ด้วยความประมาท.
19.2 ออกจากอิทธิพลของตัณหาเข้าสู่กระแสแห่งอริยอัฏฐังคิกมรรค : คือ คบสัตบุรุษ, ฟังธรรม, ใคร่ครวญธรรม อยู่เป็นประจำ.
20. สิ่งที่ต้องเกี่ยวข้อง : ตัณหาโดยสิ่งที่ต้องเกี่ยวข้อง : เพื่อกำจัดตัณหา : คือ การเป็นอยู่ด้วยความไม่ประมาทในทุกที่ทุกสถาน หรือในธรรมทั้งปวง.
21. ภาษาคน - ภาษาธรรม : ตัณหาโดยภาษาคน - ภาษาธรรม :
ภาษาคน : หมายถึงความอยากในทางเพศ.
ภาษาธรรม : หมายถึงความอยากด้วยอวิชชาทุกชนิด.
ธรรมโฆษณ์ที่แนะนำให้อ่าน
1. ไกวัลยธรรม
2. อริยสัจจากพระโอษฐ์
3. อาสาฬหบูชาเทศนา เล่ม 1