ไปยังหน้า : |
[Font : 15 ]
|
| | |
สิ่งที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาทPTC02
ครั้งหนึ่ง ที่พระเชตวัน พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย ให้ตั้งใจฟังแล้ว ได้ตรัสข้อความเหล่านี้ว่า : -
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! เราจักแสดง ปฏิจจสมุปบาท แก่พวกเธอทั้งหลาย, พวกเธอทั้งหลายจงฟัง ปฏิจจสมุปบาท นั้น, จงทำในใจให้สำเร็จประโยชน์, เราจักกล่าว บัดนี้”.
ครั้นภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น ทูลสนองรับพระพุทธดำรัสแล้ว, พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสถ้อยคำเหล่านี้ว่า : -
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! อะไรเล่า ที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! :
เพราะมีอวิชชา เป็นปัจจัย จึงมี สังขารทั้งหลาย ;
เพราะมีสังขาร เป็นปัจจัย จึงมี วิญญาณ ;
เพราะมีวิญญาณ เป็นปัจจัย จึงมี นามรูป ;
เพราะมีนามรูป เป็นปัจจัย จึงมี สฬายตนะ ;
เพราะมีสฬายตนะ เป็นปัจจัย จึงมี ผัสสะ ;
เพราะมีผัสสะ เป็นปัจจัย จึงมี เวทนา ;
เพราะมีเวทนา เป็นปัจจัย จึงมี ตัณหา ;
เพราะมีตัณหา เป็นปัจจัย จึงมี อุปาทาน ;
เพราะมีอุปาทาน เป็นปัจจัย จึงมี ภพ ;
เพราะมีภพ เป็นปัจจัย จึงมี ชาติ ;
เพราะมีชาติ เป็นปัจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเวทะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท.
เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือ แห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว, จึงมีความดับแห่งสังขาร ;
เพราะมีความดับ แห่งสังขาร จึงมีความดับ แห่งวิญญาณ ;
เพราะมีความดับ แห่งวิญญาณ จึงมีความดับ แห่งนามรูป ;
เพราะมีความดับ แห่งนามรูป จึงมีความดับ แห่งสฬายตนะ ;
เพราะมีความดับ แห่งสฬายตนะ จึงมีความดับ แห่งผัสสะ ;
เพราะมีความดับ แห่งผัสสะ จึงมีความดับ แห่งเวทนา ;
เพราะมีความดับ แห่งเวทนา จึงมีความดับ แห่งตัณหา ;
เพราะมีความดับ แห่งตัณหา จึงมีความดับ แห่งอุปาทาน ;
เพราะมีความดับ แห่งอุปาทาน จึงมีความดับ แห่งภพ ; เ
เพราะมีความดับ แห่งภพ จึงมีความดับ แห่งชาติ ;
เพราะมีความดับ แห่งชาตินั่นแล ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัส อุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้” , ดังนี้.