[Font : 15 ]
| |
อานิสงส์ ตามลำดับการเกิดแห่งธรรมโดยไม่ต้องเจตนา (จากศีลถึงวิมุตติ) |  

อานนท์ ! ด้วยอาการอย่างนี้แล : ศีลอันเป็นกุศล มีอวิปปฏิสาร เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย; อวิปปฏิสาร มีความปราโมทย์เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; ความประโมทย์ มีปีติเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; ปีติ มีปัสสัทธิเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; ปัสสัทธิ มีสุขเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; สุข มีสมาธิเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; สมาธิ มียถาภูติญาณทัสสนะเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; ยถาภูตญาณทัสสนะ มีนิพพิทาเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย; นิพพาทา มีวิราคะเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; วิราคะ มีวิมุตติญาณทัสสนะ เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย.

อานนท์ ! ศีลอันเป็นกุศล ย่อมยังอรหัตตผลให้บริบูรณ์โดยลำดับ ด้วยอาการอย่างนี้แล.

- เอกาทสก. อํ. 24/336/208.

ภิกษุ ท.! เมื่อมีศีลสมบูรณ์แล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า "อวิปปฏิสาร จงบังเกิดแก่เรา".ภิกษุ ท.! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อมีศีลสมบูรณ์แล้ว อวิปปฏิสารย่อมเกิด (เอง).

ภิกษุ ท.! เมื่อไม่มีวิปปฏิสาร ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า "ปราโมทย์ จงบังเกิดแก่เรา". ภิกษุ ท.! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อไม่่มีวิปปฏิสาร ปราโมทย์ย่อมเกิด (เอง).

ภิกษุ ท.! เมื่อปรามโมทย์แล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า "ปีติจงบังเกิดแก่เรา". ภิกษุท.! ข้อนี้เป็นธรรมดาว่า เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติย่อมเกิด (เอง).

ภิกษุ ท.! เมื่อมีใจปีติแล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า "กายของเราจงรำงับ". ภิกษุ ท.! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อมีใจปีติแล้ว กายย่อมรำงับ (เอง).

ภิกษุ ท.! เมื่อกายรำงับแล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า "เราจงเสวยสุขเถิด". ภิกษุ ท.! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อกายรำงับแล้ว ย่อมได้เสวยสุข (เอง).

ภิกษุ ท.! เมื่อมีสุข ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า "จิตของเราจงตั้งมั่นเป็นสมาธิ". ภิกษุ ท.! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่นเป็นสมาธิ (เอง).

ภิกษุ ท.! เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า "เราจงรู้จงเห็นตามที่เป็นจริง". ภิกษุ ท.! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้ว ย่อมรู้ย่อมเห็นตามที่เป็นจริง (เอง).

ภิกษุ ท.! เมื่อรู้อยู่เห็นอยู่ตามที่เป็นจริง ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า "เราจงเบื่อหน่าย". ภิกษุ ท.! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อรู้อยู่เห็นอยู่ตามที่เป็นจริง ย่อมเบื่อหน่าย (เอง).

ภิกษุ ท.! เมื่อเบื่อหน่ายแล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า "เราจงคลายกำหนัด". ภิกษุ ท.! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อเบื่อหน่ายแล้ว ย่อมคลายกำหนัด (เอง).

ภิกษุ ท.! เมื่อจิตคลายกำหนัดแล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า "เราจงทำให้แจ้งซึ่งวิมุตติญาณทัสสนะ". ภิกษุ ท.! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อคลายกำหนัดแล้ว ย่อมทำให้แจ้งซึ่งวิมุตติญาณทัสสนะ (เอง).

- เอกาทสก. อํ. 24/336/209.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ
หนังสือที่เกี่ยวข้อง