[Font : 15 ]
| |
อัสสาทะชั้นเลิศ ของเวทนา |  

ภิกษุ ท.! อัสาทะ (รสอรอย) ของเวทนาทั้งหลาย เปนอยางไรเลา ? ภิกษุ ท.! ภิกษุในกรณีนี้ เพราะสงัดจากกามและสงัดจาอกุศลธรรมทั้งหลาย ยอมบรรลุฌานที่ 1 ซึ่งมีวิตกวิจาร มีปติและสุข อันเกิดแตวิเวกแลวแลอยู. ภิกษุ ท.! ในสมัยใด ภิกษุ. เพราะสงัดจากกามและสงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย ยอม บรรลุฌานที่ 1 ซึ่งมีวิตกวิจาร มีปติและสุข อันเกิดแตวิเวก แลวแลอยู, ในสมัยนั้น เธอยอมไมคิดแมในทางที่จะใหเกิดความเดือดรอนแกตนเอง, ยอมไมคิดแมในทางที่จะให้เกิดความเดือดรอนแกผูอื่น, และยอมไมคิดแมในทางที่จะใหเกิดความเดือดรอนแกตนเองและผูอื่นทั้งสองฝาย.ในสมัยนั้น เธอยอมเสวยเวทนา อันไมทําความเดือดรอนแตอยางใดเลย. ภิกษุ ท.! เรากลาว อัสสาทะ (รสอรอย) ของเวทนาทั้งหลาย วา มีการไมทําความเดือดรอนแกผูใดเปนอยางยิ่ง.

ภิกษุ ท.! ขออื่นยังมีอีก, ภิกษุ, เพราะสงบวิตกวิจารเสียได ยอมบรรลุฌานที่ 2 อันเปนเครื่องผองใสในภายใน นําใหเกิดสมาธิมีอารมณอันเดียวแหงใจ ไมมีวิตกวิจาร มีแตปติและสุข อันเกิดแตสมาธิ แลวแลอยู ภิกษุ ท.! ในสมัยใด, ภิกษุ, เพราะสงบวิตกวิจารเสียได ย่อมบรรลุฌานที่ 2 อันเปนเครื่องผองใสในภายใน นําใหเกิดสมาธิมีอารมณอันเดียวแหงใจไมมีวิตกวิจาร มีแตปติและสุข อันเกิดแตสมาธิ แลวแลอยู, ในสมัยนั้นเธอ ยอมไมคิดแมในทางที่จะใหเกิดความเดือดรอนแกตนเอง, ยอมไมคิดแมในทางที่จะใหเกิดความเดือดรอนแกผูอื่น, และยอมไมคิดแมในทางที่จะใหเกิดความเดือดรอนแกตนเองและผูอื่น ทั้งสองฝ่าย. สมัยนั้น เธอยอมเสวยเวทนาอันไมทําความเดือดรอนแตอยางใดเลย. ภิกษุ ท.! เรากลาว อัสสาทะ (รสอรอย) ของเวทนาทั้งหลาย วามีการไมทําความเดือดรอนแกผูใดเปนอยางยิ่ง.

ภิกษุ ท.! ขออื่นยังมีอีก, ภิกษุ, เพราะความจางคลายไปแหงปติเปนผูอยูอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขดวยนามกาย ยอม บรรลุฌานที่ 3 อันเปนฌานที่พระอริยเจาทั้งหลายกลาววา "ผูได้บรรลุฌานนี้ เปนผูอยูอุเบกขา มีสติ อยูเปนปรกติสุข" ดังนี้ แลวแลอยู. ภิกษุ ท .! ในสมัยใด ภิกษุ. เพราะความจางคลายไปแหปติ เปนผูอยูอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขดวยนามกาย ยอมบรรลุฌานที่ 3 อันเปนฌานที่พระอริยเจาทั้งหลายกลาววา "ผูไดบรรลุฌานนี้ เปนผูอยูอุเบกขา มีสติ อยูเปนปรกติสุข" ดังนี้ แลวแลอยู. ในสมัยนั้น เธอ ย่อมไม่คิดแมในทางที่จะใหเกิดความเดือดรอนแกตนเอง, ยอมไมคิดแมในทางที่จะใหเกิดความเดือดรอนแกผูอื่น, และยอมไมคิดแมในทางที่จะใหเกิดความเดือดรอนแกตนเองและผูอื่นทั้งสอง ฝาย. ในสมัยนั้น เธอ ยอมเสวยเวทนา อันไมทําความเดือดรอนแตอยางใดเลย. ภิกษุ ท.! เรากลาว อัสสาทะ (รสอรอย) ของเวทนาทั้งหลาย วามีการไมทําความเดือดรอนแกผูใดเปนอยางยิ่ง.

ภิกษุ ท.! ขออื่นยังมีอีก, ภิกษุ, เพราะละสุขเสียได และเพราะละทุกขเสียได, เพราะความดับหายไปแหงโสมนัสและโทมนัสในกาลกอน, ยอม บรรลุฌานที่ 4 อันไมทุกขไมสุข มีแตความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แลวแลอยู่. ภิกษุ ท.! ในสมัยใด ภิกษุ, เพราะละสุขเสียได และเพราะละทุกขเสียได, เพราะความดับหายไปแหงโสมนัสและโทมนัสในกาลกอน, ย่อมบรรลุฌานที่ 4 อันไมทุกขไมสุข มีแตความที่สติเปนธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แลวแลอยู่. ในสมัยนั้น เธอยอมไมคิดแมในทางที่จะใหเกิดความเดือดรอนแกตนเอง, ย่อมไมคิดแมในทางที่จะใหเกิดความเดือดรอนแกผูอื่น, และยอมไมคิดแมในทางที่จะใหเกิดความเดือดรอนแกตนเองและผูอื่นทั้งสองฝาย. ในสมัยนั้น เธอ ย่อมเสวยเวทนาอันไมทําความเดือดรอน แตอยางใดเลย. ภิกษุ ท.! เรากลาว อัสสาทะ (รสอรอย) ของเวทนาทั้งหลาย วามีการไมทําความเดือดรอนแกผูใดเปนอยางยิ่งแล.

- มู. ม. 12/176/205.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ
หนังสือที่เกี่ยวข้อง