[Font : 15 ]
| |
ทรงพบ |  

ภิกษุ ท.! เรานั้น, ครั้นเมื่อจิตตั้งมั่น บริสุทธิ์ผุดผอง ไมมีกิเลสปราศจากอุปกิเลส เปนธรรมชาติออนโยน ควรแกการงาน ตั้งอยูได ไมหวั่นไหว เชนนี้แลว, ไดนอมจิตไปเฉพาะตอ ญาณเปนเครื่องสิ้นไปแหงอาสวะทั้งหลายเรารูเฉพาะแลวตามเปนจริงว่า "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข, นี้เปนความดับไมเหลือของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข; เหลานี้เปนอาสวะทั้งหลาย, นี้เปนเหตุใหเกิดอาสวะ, นี้เปนความดับไมเหลือของอาสวะ, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของอาสวะ;" ดังนี้. เมื่อเรารูอยูอยางนี้ เห็นอยูอยางนี้ จิตก็พนแลวจากอาสวะคือกาม อาสวะคือภพ อาสวะคืออวิชชา. ครั้นจิตพนแลว ก็เกิดญาณหยั่งรู วา "พนแลว" เรารูเฉพาะแลว วา "ชาติสิ้นแลว พรหมจรรยอยูจบแลว กิจที่ควรทําไดทําสําเร็จแลวกิจอื่นที่จะตองทําเพื่อความหลุดพนอยางนี้มิไดมีอีก" ดังนี้. ภิกษุ ท.! นี้แล วิชชาที่ 3 ที่เราไดบรรลุแลวในปจฉิมยามแหงราตรี. อวิชชาถูกกําจัดแลววิชชาเกิดขึ้นแลว; ความมืดถูกกําจัดแลว ความสวางเกิดขึ้นแลวโดยประการที่เกิดขึ้นแกบุคคลผูไมประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนสงไปแลวแลอยู.

- มู. ม. 12/237/253.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ
หนังสือที่เกี่ยวข้อง