ไปยังหน้า : |
[Font : 15 ]
|
| | |
ภิกษุ ท.! อุปาทานขันธ์ ท. มีอยู่ 5 อย่างเหล่านี้. 5 อย่างคืออะไรเล่า? 5 อย่างคือ อุปาทานขันธ์คือรูป อุปาทานขันธ์คือเวทนา อุปาทานขันธ์คือสัญญา อุปาทานขันธ์คือสังขาร อุปาทานขันธ์คือวิญญาณ.
ภิกษุ ท.! ตลอดกาลเพียงใด ที่เรายังไม่รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอุปาทานขันธ์ทั้ง 5 เหล่านี้ โดยปริวัฏฏ์ 4 ตามที่เป็นจริง; ตลอดกาลเพียงนั้น เรายังไม่ปฏิญญาว่าเป็นผู้ตรัสรู้พร้อมเฉพาะ ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในโลก พร้อมทั้งเทวโลกมารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์.
ภิกษุ ท.! เมื่อใดแล เรารู้พร้อมเฉพาะแล้ว ซึ่งอุปาทานขันธ์ทั้งห้าเหล่านี้ โดยปริวัฏฏ์ 4 ตามที่เป็นจริง; เมื่อนั้น เราก็ปฏิญญาว่าเป็นผู้ตรัสรู้พร้อมเฉพาะแล้ว ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์.
ภิกษุ ท.! โดยปริวัฎฎ์ 4 นั้น เป็นอย่างไรเล่า? คือเราได้รู้พร้อมเฉพาะแล้ว ซึ่ง รูป ซึ่งความเกิดแห่งรูป ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งรูป ซึ่งปฏิปทาให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งรูป. (ในกรณีแห่งเวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ ก็ตรัสไว้โดยหลักเกณฑ์อย่างเดียวกันกับในกรณีแห่งรูป).
(รายละเอียดเกี่ยวกับเบญจขันธ์ โดยปริวัฎฎ์สี่ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกัน โดยพิสดาร, ยังมีอีก ; ผู้สนใจพึงหาอ่านจากหนังสือปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์ หน้า 338 ถึงหน้า 342)
- บาลี ขนฺธ. สํ. 17/72/112. ตรัสแก่ภิกษุ ท. ที่เชตวัน.