[Font : 15 ]
| |
4. เมื่อพ้นจากบ่วง |  

(ตอไปนี้ไดตรัสถึงฝูงเนื้อพวกที่ 4 ซึ่งเปรียบกันไดกับสมณพราหมณจําพวกที่ 4 สืบไปวา :-)

ภิกษุ ท.! ฝูงเนื้อพวกที่ 4 (รูความวินาศของเนื้อพวกที่ 1 พวกที่ 2 และพวกที่ 3 โดยประการทั้งปวงแลว) มาคิดกันวา "ถาอยางไร เราอาศัยซุมซอนอยูในที่ซึ่งเจาของสวนผักและบริวารไปไมถึง ครั้นอาศัยที่ซุมซอนอยูในที่ซึ่งเจาของสวนผักและบริวารไปไมถึง จะไมลืมตัวเขาไปกินผัก ที่เจาของสวนผักปลูก จะไมถึงซึ่งความเลินเลอ เมื่อไมเลินเลอจักไมถึงซึ่งความประมาทเมื่อไมประมาทแลวก็ไมเปนสัตวที่ใคร ๆ พึงทําอะไร ๆ ไดตามความพอใจ ในสวนผักของเจาของผักนั้น. ฝูงเนื้อเหลานั้น (ก็ประพฤติกระทําตามความคิดนั้น). ภิกษุ ท.! ความคิดไดเกิดขึ้นแกเจาของสวนผักกับริวารเหลานั้นวา "ฝูงเนื้อพวกที่ 4 เหลานี้ คงจะมีเลหเหลี่ยมกลโกงเหมือนมีฤทธิ์เปนแน ฝูงเนื้อพวกที่ 4 นี้คงจะเปนสัตวพิเศษชนิดอื่นเปนแน มันจึงมากินผักที่เราปลูกนี้ได. และเราก็ไมเขาใจการมาการไปของมัน. ถากระไร เราพึงลอมซึ่งที่นั้นโดยรอบดวยเครื่องลอมชนิดทัณฑวาคุระใหญ ๆ ทั้งหลาย เราคงจะไดเห็นที่ซุมซอนของฝูงเนื้อพวกที่สี่ อันเปนที่ซึ่งมันแอบเขามากิน" ดังนี้. ชนเหลานั้นไดทําการลอมพื้นที่ปลูกผักนั้นโดยรอบ ดวยเครื่องลอมชนิดทัณฑวาคุระใหญ ๆ ทั้งหลายแลว.ภิกษุ ท.! เจาของสวนผักและบริวารไมไดพบที่ซุมซอนของฝูงเนื้อพวกที่ 4 อันเปนที่ซึ่งมันแอบเขามากิน. ภิกษุ ท.! ความคิดไดเกิดขึ้นแกเจาของสวนผักและบริวารวา "ถาเราทําฝูงเนื้อพวกที่ 4 ใหแตกตื่นแลว มันก็จะทําใหฝูงอื่นแตกตื่นดวย ดวยการทําอยางนี้ฝูงเนื้อทั้งปวงก็เริศรางไปจากผักที่เราปลูกไว ถากระไรเราพึงทําความพยายามเจาะจง (ทําความแตกตื่น) แกเนื้อพวกที่ 4" ดังนี้ ภิกษุ ท.! เจาของสวนผักและบริวารไดทําความพยายามาเจาะจง (ทําความแตกตื่น) แกฝูงเนื้อพวกที่สี่แลว. ภิกษุ ท.! ดวยอาการอยางนี้แล ฝูงเนื้อพวกที่ 4 นั้นก็พนไปจากกํามือของเจาของสวนผัก.

(พระผูมีพระภาคเจาไดทรงยกเอาสมณพราหมณจําพวกที่ 4 มาเปรียบกับฝูงเนื้อจําพวกที่ 4 ดังนี้วา :-

ภิกษุ ท.! บรรดาสมณพรหมณทั้งหลาย สมณพราหมณพวกที่ 4 (รูความวินาศของสมณพราหมณจําพวกที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 โดยประการทั้งปวงแลว) มาคิดกันวา "ถากระไร เรา อาศัยที่ซุมซอนอยูในที่ซึ่งมารและบริวารของมารไปไมถึง ครั้นอาศัยซุมซอนอยูในที่นั้นแลว จะ ไมลืมตัวเขาไปบริโภคโลกามิส ซึ่งเปนเสมือนสวนผักที่มารปลูกไว เมื่อไมลืมตัวเขาไปกินก็ไมถึงซึ่งความมัวเมา เมื่อไมมัวเมาก็ไมถึงซึ่งความประมาท เมื่อไมประมาทก็จักเปนผูที่มารไมทําอะไรๆ ไดตามความพอใจในโลกามิสซึ่งเปนเสมือนสวนผักที่มารปลูกไว" ดังนี้. สมณพราหมณเหลานั้น (ก็ไดประพฤติกระทําตามความคิดนั้น). ภิกษุ ท.! ดวยอาการอยางนี้แล สมณพราหมณพวกที่สี่นี้ ก็พนไปจากอิทธานุภาพของมาร.ภิกษุ ท.! เรากลาวสมณพราหมณพวกที่ 4 นี้ วามีอุปมาเหมือนฝูงเนื้อพวกที่ 4 นั้น. ฉันใดก็ฉันนั้น.

ภิกษุ ท.! ที่ซึ่งมารและบริวารของมารไปไมถึงนั้น เปนอยางไรเลา ? ภิกษุ ท.! ในกรณีนี้คือ ภิกษุ เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลายจึงเขาถึง ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปติและสุขอันเกิดแตวิเวก แลวแลอยูภิกษุ ท.! ภิกษุนี้เรากลาววา ไดทํามารใหเปนผูตาบอดไมมีรองรอยมารกําจัดเสียแลวซึ่งจักษุแหงมาร ไปแลวสูที่ซึ่งมารผูมีบาปมองไมเห็น.

(ตอไปนี้ไดตรัสถึงการบรรลุ ทุติยฌาน - ตติยฌาน - จตุตถฌาน - อากาสา-นัญจายตนะ - วิญญาณัญจายตนะ - อาญจัญญายตนะ - เนวสัญญานาสัญญายตนะ .วาเปนที่ซึ่งมารไปไมถึง โดยนัยเดียวกันกับปฐมฌาน เปนลําดับไป, จนกระทั่งถึงสัญญาเวทยิต-นิโรธโดยขอความสืบตอไปวา :-)

ภิกษุ ท.! ยิ่งไปกวานั้นอีก : ภิกษุกาวลวงเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง เขาถึงซึ่ง สัญญาเวทยิตนิโรธ แลวแลอยู, และเพราะเห็นแลวดวยปญญา อาสวะทั้งหลายของเธอก็สิ้นไปรอบ. ภิกษุ ท.! ภิกษุนี้เรากลาววา ไดทํามารใหเปนผูตาบอดไมมีรองรอย กําจัดเสียแลวซึ่งจักษุแหงมาร ไปแลวสูที่ซึ่งมารผูมีบาปมองไมเห็น ไดขามแลวซึ่งตัณหาในโลก, ดังนี้แล.

(คําวา "เห็นแลวดวยปญญา" ในที่นี้ คือเห็นทุกข, เหตุใหเกิดทุกข, ความดับไมเหลือแหงทุกข, ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข, และเห็นอาสวะ, เหตุใหเกิดอาสวะ, ความดับไมเหลือแหงอาสวะ, ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงอาสวะ, จนเปนผูสิ้นอาสวะซึ่งเรียกวา "การพนจากบวง".)

- มู. ม. 12/298-311/301-311.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ
หนังสือที่เกี่ยวข้อง