ไปยังหน้า : |
[Font : 15 ]
|
| | |
ภิกษุ ท.! ถ้าอย่างนั้น ในเรื่องนี้ เธอจงชำระสิ่งอันเป็นเลื่องต้นในกุศลทั้งหลายให้บริสุทธิ์เสียก่อนเถิด. ก็อะไรเป็นสิ่งเบื้องต้นของสิ่งอันเป็นกุศลทั้งหลายเล่า? ภิกษุในกรณีนี้ เธอจงเป็นผู้สำรวมด้วยปาติโมกขสังวร ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจรอยู่เถิด, จงมีปรกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลาย แม้มีประมาณน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย.
ภิกษุ! โดยกาลใดแล เธอจักสำรวมด้วยปาติโมกขสังวร ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร มีปรกติ เห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลายแม้มีประมาณน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย; โดยกาลนั้น เธออาศัยศีลตั้งอยู่ในศีลแล้ว พึงอบรมสติปัฏฐาน 4 เถิด. สติปัฏฐาน 4 อะไรบ้างเล่า? สติปัฏฐาน 4 คือ :-
ภิกษุ! ในกรณีนี้ เธอจงพิจารณาเห็นถายในกายอยู่เนืองๆ, จงพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลายอยู่เนืองๆ, จงพิจาณาเห็นจิตในจิตอยู่เนืองๆ, จงพิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่เนืองๆ เป็นผู้มีความเพียร เผากิเลส มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย.
ภิกษุ! แต่กาลใด เธออาศัยศีล ตั้งอยู่ในศีลแล้ว จักอบรมสติปัฏฐานสี่เหล่านี้ ด้วยอาการอย่างนี้; แต่กาลนั้น คืนหรือวันของเธอจักผ่านไปโดยหวังได้แต่ความเจริญในกุศลธรรมทั้งหลายอย่างเดียว หาความเสื่อมมิได้.
ครั้งนั้น ภิกษุรูปนั้น ซาบซึ้งพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้ายิ่งนัก ลุกจากอาสนะถวายอภิวาท ทำประทักษิณแล้วหลีกไป. ต่อมา เธอปลีกตัวออกจากหมู่ อยู่แต่ผู้เดียว ไม่ประมาท เพียรเผากิเลส ส่งตนไปในแนวธรรม จนสามารถทำให้แจ้งถึงที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันเป็นประโยชน์ชั้นยอด ได้ไม่นานด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ทันตาเห็น ได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งแล.
- บาลี พระพุทธภาษิต มหาวาร. สํ. 19/249/828, ตรัสแก่ภิกษุรูปหนึ่ง ที่เชตวัน ซึ่งท่านผู้นี้ ต้องการจะออกไปทำความเพียร เผากิเลส, ทูลขอให้พระองค์แสดงธรรมย่อๆ พอที่จะส่งจิตใจไปตามธรรมนั้นได้.