[Font : 15 ]
| |
ปฏิจจสมุทบาทรวมอยู่ในบรรดาเรื่องที่ใครคัดค้านไม่ได้

ปฏิจจสมุทบาทรวมอยู่ในบรรดาเรื่องที่ใครคัดค้านไม่ได้PTC50

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมนี้นี่แล อันเราแสดงแล้ว เป็นธรรมอันสมณ. พราหมณ์ผู้รู้ทั้งหลายข่มขู่ไม่ได้ ทําให้เศร้าหมองไม่ได้ ติเตียนไม่ได้ คัดง้างไม่ได้.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ก็ธรรมอันเราแสดงแล้ว เป็นธรรมอันสมณพราหมณ์ผู้รู้ทั้ง หลายข่มขี่ไม่ได้ ทําให้เศร้าหมองไม่ได้ ติเตียนไม่ได้ คัดง้างไม่ได้. เป็นอย่างไรเล่า ?

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมอันเราแสดงแล้วว่า "เหล่านี้คือ ธาตุทั้งหลาย 6 ประการ ดังนี้ เป็นธรรมอันสมณพราหมณ์ผู้รู้ทั้งหลายข่มขี่ไม่ได้ ทําให้เศร้าหมองไม่ได้ ติเตียนไม่ได้ คัดง้างไม่ได้.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมอันเราแสดงแล้วว่า "เหล่านี้ คือ ผัสสายตนะ (แดนเกิดแห่งผัสสะ) ทั้งหลาย 6 ประการ" ดังนี้ เป็นธรรมอันสมณพราหมณ์ผู้รู้ ทั้งหลายข่มขู่ไม่ได้ ทําให้เศร้าหมองไม่ได้ ติเตียนไม่ได้ คัดง้างไม่ได้.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมอันเราแสดงแล้วว่า "เหล่านี้ คือ มโนปวิจาร (ที่เข้าไปเที่ยวแห่งมโน) ทั้งหลาย 18 ประการ" ดังนี้ เป็นธรรมอันสมณพราหมณ์ผู้รู้ ทั้งหลายข่มขี่ไม่ได้ ทําให้เศร้าหมองไม่ได้ ติเตียนไม่ได้ คัดง้างไม่ได้.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมอันเราแสดงแล้วว่า "เหล่านี้ คือ อริยสัจทั้ง หลาย 4 ประการ" ดังนี้ เป็นธรรมอันสมณพราหมณ์ผู้รู้ทั้งหลายข่มขี่ไม่ได้ ทําให้เศร้าหมองไม่ได้ ติเตียนไม่ได้ คัดง้างไม่ได้.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมอันเราแสดงแล้วว่า "เหล่านี้ คือธาตุทั้งหลาย 6 ประการ" ดังนี้ เป็นธรรมอันสมณพราหมณ์ผู้รู้ทั้งหลายข่มขี่ไม่ได้ ทําให้เศร้าหมอง ไม่ได้ ติเตียนไม่ได้ คัดง้างไม่ได้. ข้อนี้ เป็นธรรมที่เรากล่าวแล้วอย่างนี้ เราอาศัย ซึ่งอะไรเล่า จึงกล่าวแล้วอย่างนี้ ? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ธาตุทั้งหลาย 6 ประการเหล่านี้ คือ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ อากาสธาตุ วิญญาณธาตุ ดังนี้. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมอันเราแสดงแล้วว่า "เหล่านี้คือ ธาตุทั้งหลาย 6 ประการ" ดังนี้ เป็นธรรมอันสมณพราหมณ์ผู้รู้ทั้งหลายข่มขี่ไม่ได้ ทําให้เศร้าหมองไม่ได้ ติเตียน ไม่ได้ คัดง้างไม่ได้ ดังนี้ อันใด อันเรากล่าวแล้ว ; ข้อนั้น เรากล่าวหมายถึงข้อความนี้.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมอันเราแสดงแล้วว่า "เหล่านี้ คือผัสสายตนะ ทั้งหลาย 6 ประการ" ดังนี้ เป็นธรรมอันสมณพราหมณ์ผู้รู้ทั้งหลายข่มขี่ไม่ได้ ทําให้เศร้าหมองไม่ได้ ติเตียนไม่ได้ คัดง้างไม่ได้, ข้อนี้ เป็นธรรมที่เรากล่าวแล้วอย่างนี้ เราอาศัยซึ่งอะไรเล่า จึงกล่าวแล้วอย่างนี้ ? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ผัสสายตนะทั้งหลาย 6 ประการ เหล่านี้ คือ จักษุ เป็นผัสสายตนะ โสตะ เป็นผัสสายตนะ ฆานะ เป็น ผัสสายตนะ ชิวหา เป็นผัสสายตนะ กายะเป็นผัสสายตนะ มโนเป็นผัสสายตนะ ดังนี้. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมอันเราแสดงแล้วว่า "เหล่านี้ คือธาตุทั้งหลาย 6 ประการ” ดังนี้เป็นธรรมอันสมณพราหมณ์ผู้รู้ทั้งหลายข่มขี่ไม่ได้ ทําให้เศร้าหมองไม่ได้ ติเตียนไม่ได้ คัดง้างไม่ได้ ดังนี้ อันใด อันเรากล่าวแล้ว : ข้อนั้น เรากล่าวหมายถึง ข้อความนี้.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมอันเราแสดงแล้วว่า "เหล่านี้ คือมโนปวิจาร ทั้งหลาย 18 ประการ" ดังนี้ เป็นธรรมอันสมณพราหมณ์ผู้รู้ทั้งหลายข่มขี่ไม่ได้ ทําให้เศร้าหมองไม่ได้ ติเตียนไม่ได้ คัดง้างไม่ได้. ข้อนี้ เป็นธรรมที่เรากล่าวแล้วอย่างนี้ เราอาศัยซึ่งอะไรเล่าจึงกล่าวอย่างนี้ ? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เพราะเห็นรูปด้วยจักษุ มในย่อมเข้าไปเที่ยวในรูปอันเป็นที่ตั้งแห่งโสมนัส, ย่อมเข้าไปเที่ยวในรูปอันเป็นที่ตั้ง แห่งโทมนัส, ย่อมเข้าไปเที่ยวในรูปอันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขา ; เพราะฟังเสียงด้วยโสตะ มโนย่อมเข้าไปเที่ยวในเสียงอันเป็นที่ตั้งแห่งโสมนัส, ย่อมเข้าไปเที่ยวในเสียงอันเป็นที่ตั้ง แห่งโทมนัส, ย่อมเข้าไปเที่ยวในเที่ยวอันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขา ; เพราะรู้สึกกลิ่นด้วย ฆานะ มโนย่อมเข้าไปเที่ยวในกลิ่นอันเป็นที่ตั้งแห่งโสมนัส, ย่อมเข้าไปเที่ยวในกลิ่น อันเป็นที่ตั้งแห่งโทมนัส, ย่อมเข้าไปเที่ยวในกลิ่นอันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขา เพราะรู้สึกรสด้วยชิวหา มโนย่อมเข้าไปเที่ยวในรูปอันเป็นที่ตั้งแห่งโสมนัส, ย่อมเข้าไปเที่ยวในรส อันเป็นที่ตั้งแห่งโทมนัส, ย่อมเข้าไปเที่ยวในรสอันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขา ; เพราะถูกต้องสัมผัสทางผิวหนังด้วยผิวกาย มโนย่อมเข้าไปเที่ยวในสัมผัสทางผิวหนังอันเป็นที่ตั้งแห่งโสมนัส, ย่อมเข้าไปเที่ยวในสัมผัสทางผิวหนังอันเป็นที่ตั้งแห่งโทมนัส, ย่อมเข้าไปเที่ยวในสัมผัสทางผิวหนังอันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขา ; เพราะรู้สึกธัมมารมณ์ด้วยมโน มโนย่อม เข้าไปเที่ยวในรูปอันเป็นที่ตั้งแห่งโสมนัส, ย่อมเข้าไปเที่ยวในธัมมารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งโทมนัส, ย่อมเข้าไปเที่ยวในธัมมารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขา ; ดังนี้ ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย! ธรรมอันเราแสดงแล้วว่า "เหล่านี้ คือมในปวิจารทั้งหลาย 18 ประการ" ดังนี้ เป็นธรรมอันสมณพราหมณ์ผู้รู้ทั้งหลายข่มขี่ไม่ได้ ทำให้เศร้าหมองไม่ได้ ติเตียนไม่ได้ คัดง้างไม่ได้ ดังนี้ อันใด อันเรากล่าวแล้ว ; ข้อนั้น เรากล่าวหมายถึงข้อความนี้.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมอันเราแสดงแล้วว่า “เหล่านี้ คืออริยสัจทั้งหลาย 4 ประการ” ดังนี้ เป็นธรรมอันสมณพราหมณ์ผู้รู้ทั้งหลายข่มขี่ไม่ได้ ทำให้เศร้าหมองไม่ได้ ติเตียนไม่ได้ คัดง้างไม่ได้. ข้อนี้ เป็นธรรมที่เรากล่าวแล้วอย่างนี้ เราอาศัยซึ่งอะไรเล่า จึงกล่าวอย่างนี้ ? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เพราะอาศัยซึ่งธาตุทั้งหลาย 6 ประการ การก้าวลงสู่ครรภ์ย่อมมี ; เมื่อการก้าวลงสู่ครรภ์ มีอยู่, นามรูปย่อมมี ; เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ ; เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เราย่อมบัญญัติว่า “นี้ เป็นความทุกข์” ดังนี้ ; ว่า “นี้ เป็นทุกขสมุทัย” ดังนี้; ว่า “นี้ เป็นทุกขนิโรธ” ดังนี้ ; ว่า “นี้ เป็นทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา” ดังนี้ ; แก่สัตว์ผู้สามารถเสวยเวทนาอยู่.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ทุกขอริยสัจ เป็นอย่างไรเล่า ? แม้ความเกิด ก็เป็นทุกข์, แม้ความแก่ ก็เป็นทุกข์, แม้ความตาย ก็เป็นทุกข์, แม้โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย ก็เป็นทุกข์, การประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รัก เป็นทุกข์, ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รัก เป็นทุกข์, ปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่ได้สิ่งนั้น นั่นก็เป็นทุกข์ : กล่าวโดยย่อ ปัญจุปาทานขันธ์ทั้งหลาย เป็นทุกข์.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรากล่าวว่า ทุกขอริยสัจ.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ทุกขสมุทยอริยสัจ เป็นอย่างไรเล่า ? เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ; เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ ; เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ; เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมี ตัณหา ; เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน ; เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ ; เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ ; เพราะมีชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรากล่าวว่า ทุกขสมุทัยอริยสัจ.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ทุกขนิโรธอริยสัจ เป็นอย่างไรเล่า ? เพราะความจางคลายดับไปไม่เหลือแห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว, จึงมีความดับแห่งสังขาร, เพราะมีความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ ; เพราะมีความดับแห่งวิญญาณ จึงมีความดับแห่งนามรูป ; เพราะมีความดับแห่งนามรูป จึงมีความดับแห่งสฬายตนะ ; เพราะมีความดับแห่งสฬายตนะ จึงมีความดับแห่งผัสสะ ; เพราะมีความดับแห่งผัสสะ จึงมีความดับแห่งเวทนา ; เพราะมีความดับแห่งเวทนา จึงมีความดับแห่งตัณหา เพราะมีความดับแห่งตัณหา จึงมีความดับแห่งอุปาทาน ; เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ ; เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ ; เพราะมีความดับแห่งชาติ นั่นแล ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรากล่าวว่า ทุกขนิโรธอริยสัจ.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ เป็นอย่างไรเล่า ? มรรคอันประเสริฐ ประกอบด้วยองค์ 8 ประการ นี้นั่นเอง, กล่าวคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามาะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรากล่าวว่า ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมอันเราแสดงแล้วว่า "เหล่านี้ คืออริยสัจทั้งหลาย 4 ประการ" ดังนี้ เป็นธรรมอันสมณพราหมณ์ผู้รูปทั้งหลายข่มขี่ไม่ได้ ทําให้เศร้าหมองไม่ได้ ติเตียนไม่ได้ คัดง้างไม่ได้ ดังนี้ อันใด อันเรากล่าวแล้ว ; ข้อนั้น เรากล่าวหมายถึงข้อความนี้, ดังนี้ แล.

หมายเหตุผู้รวบรวม : ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า เรื่องที่พระพุทธองค์ทรงท้าทายว่าเป็นเรื่องที่ผู้รู้คัดค้านไม่ได้นั้น มีอยู่ 4 เรื่องด้วยกัน คือ เรื่องธาตุ 6, ผัสสายตนะ 6, มโนปวิจาร 18, และปฏิจจสมุปบาท ที่อยู่ในรูปของอริยสัจ 4 ที่ทรงแสดงด้วยปฏิจจสมุปบาท อันเป็นอริยสัจสี่ที่รัดกุม ; สําหรับเผชิญกับการต่อต้านคัดค้านของสมณพราหมณ์ผู้รู้เหล่าอื่น. เป็นอันว่า เรื่องปฏิจจสมุปบาท ทั้งสมุปทยวาร และนิโรธวาร รวมอยู่ในบรรดาเรื่องที่ใดๆ คัดค้านไม่ได้.

หมวดที่ 2 จบ


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ