[Font : 15 ]
| |
สาวกของพระองค์หลุดพ้นเพราะพิจารณาความเป็นอนัตตาในเบญจขันธ์ |  

"พระโคดมผู้เจริญ! ด้วยการปฏิบัติอย่างไร สาวกของพระโคดมจึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติตามคำสอน ปฏิบัติตรงต่อโอวาท ข้ามพ้นความสงสยไปได้ ไม่ต้องเที่ยวถามใครว่านี่อย่างไร นี่อย่างไร มีความกล้าหาญ ไม่ต้องเชื่อตามบุคคลอื่นในคำสอนแห่งศาสดาตน?"

อัคคิเวสนะ! สาวกของเรา ในศาสนานี้ พิจาณาเห็นด้วยปัญญาอันชอบ ตรงตามที่เป็นจริงอย่างนี้ว่า รูป...เวทนา...สัญญา...สังขาร...วิญญาณ05.9 อย่างใดอย่างหนึ่งก็ตาม ทั้งที่ล่วงไปแล้ว ทั้งที่ยังไม่มา ทั้งที่เกิดอยู่ในบัดนี้ก็ตามที่เป็นภายในก็ตาม ภายนอกก็ตาม หยาบก็ตาม ละเอียดก็ตาม เลวก็ตาม ดีก็ตามในที่ไกลก็ตาม ในที่ใกล้ก็ตาม ทั้งหมดนั้น เป็นแต่สักว่า รูป...เวทนา...สัญญา...สังขาร...วิญญาณ, นั้นไม่ใช่ของเรา, ไม่ใช่เป็นเรา, ไม่ใช่อัตตาของเราดังนี้.

อัคคิเวสนะ! ด้วยการปฏิบัติเพียงเท่านี้ สาวกของเราย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติตามคำสอน เป็นผู้ปฎิบัติตรงต่อโอวาท ข้ามพ้นความสงสัยไปได้ไม่ต้องเที่ยวถามใครว่านี่อย่างไร นี่อย่างไร มีความกล้าหาญ ไม่ต้องเชื่อตามบุคคลอื่นในคำสอนแห่งศาสดาตน ดังนี้.

"พระโคดมผู้เจริญ! ด้วยเหตุเพียงเท่าไร ภิกษุได้ชื่อว่าเป็นพระอรหันต์มีอาสวะสิ้นแล้ว มีพรหมจรรย์อันอยู่จบแล้ว มีกิจที่ต้องทำอันทำเสร็จแล้ว มีของหนักอันปลงลงได้แล้ว มีประโยชน์ตนอันตามบรรลุแล้ว มัสัญโญชน์ในภพสิ้นรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วด้วยปัญญาเป็นเครื่องรู้โดยชอบ?"

อัคคิเวสนะ! ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้หลุดพ้นแล้ว ด้วยความไม่ยึดมั่นเพราะเห็นด้วยปัญญาอันชอบ ตามที่เป็นจริง อย่างนี้ว่า รูป...เวทนา...สัญญา...สังขาร...วิญญาณ (แยกตรัสทีละอย่าง) อย่างใดอย่งหนึ่งก็ตาม ทั้งที่ล่วงไปแล้วทั้งที่ยังไม่มา ทั้งที่เกิดอยู่ในบัดนี้ก็ตาม ที่เป็นภายในก็ตาม ภายนอกก็ตามหยาบก็ตาม ละเอียดก็ตาม เลวก็ตาม ดีก็ตาม ในที่ไกลก็ตาม ในที่ใกล้ก็ตามทั้งหมดนั้น เป็นแต่สักว่า รูป...เวทนา...สัญญา...สังขาร...วิญญาณ, นั้นไม่ใช่ของเรา, ไม่ใช่เป็นเรา, ไม่ใช่อัตตาของเรา ดังนี้.

อัคคิเวสนะ! ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล ภิกษุได้ชื่อว่าเป็นพระอรหันต์มีอาสวะสิ้นแล้ว มีพรหมจรรย์อันอยู่จบแล้ว มีกิจที่ต้องทำอันทำเสร็จแล้วมีของหนักอันปลงลงได้แล้ว มีประโยชน์ตนอันตามบรรลุแล้ว มีสัญโญชน์ในภพสิ้นรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วด้วยปัญญาเป็นเครื่องรู้โดยชอบ.

อัคคิเวสนะ ! ภิกษุผู้หลุดพ้นแล้วด้วยอาการอย่างนี้ ย่อม ประกอบด้วยอนุตตริยะ 3 ประการ คือ ทัสสนานุตตริยะ ปฏิปทานุตตริยะ วิมุตตานุตตริยะ;มิจิตหลุดพ้นแล้วอย่างนี้ ย่อมสักการะ ย่อมเคารพ ย่อมนับถือ ย่อมบูชาซึ่งตถาคต ว่า พระผู้มีพระภาคนั้น เป็นผู้ตรัสรู้แล้ว ย่อมแสดงธรรม เพื่อการตรัสรู้, เป็นผู้ฝึกตนแล้ว ย่อมแสดงธรรมเพื่อการฝึกตน, เป็นผู้สงบรำงับแล้ว ย่อมแสดงธรรมเพื่อความสงบรำงับ, เป็นผู้ข้ามแล้ว ย่อมแสดงธรรมเพื่อการข้าม, เป็นผู้ปรินิพพาน (ดับเย็นสนิท) แล้ว ย่อมแสดงธรรมเพื่อปรินิพพาน, ดังนี้.

- บาลี จูฬสัจจกสูตร มู.ม. 12/433/401. ตรัสแก่สัจจกะนิครนถบุตร, ที่ป่ามหาวันใกล้เมืองเวสาลี.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ
หนังสือที่เกี่ยวข้อง