[Font : 15 ]
| |
การเกิดขึ้นแห่งไตรทวารขึ้นอยู่กับการเกิดขึ้นแห่งอวิชชาของปฏิจจสมุปบาท

การเกิดขึ้นแห่งไตรทวารขึ้นอยู่กับการเกิดขึ้นแห่งอวิชชาของปฎิจจสมุปบาทPTC71

ถูกแล้ว ถูกแล้ว อานนท์ ! ตามที่สารีบุตรเมื่อตอบปัญหาในลักษณะนั้น เช่นนั้น,PTC72 ชื่อว่าได้ตอบโดยชอบ. ดูก่อนอานนท์ ! สุขและทุกข์นั้น เรากล่าวว่า เป็นเพียงสิ่งที่อาศัยปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วเกิดขึ้น (เรียกว่าปฎิจจสมุปปันนธรรม). สุขและทุกข์นั้นอาศัยปัจจัยอะไรเล่า ? สุขและทุกข์นั้น อาศัยปัจจัยคือ ผัสสะ, ผู้กล่าวอย่างนี้แล ชื่อว่า กล่าวตรงตามที่เรากล่าว ไม่เป็นการกล่าวตู่เราด้วยคำไม่จริง ; แต่เป็นการกล่าวโดยถูกต้อง และสหธรรมมิกบางคนที่กล่าวตาม ก็จะไม่พลอยกลายเป็นผู้ควรถูกติไปด้วย.

ดูก่อนอานนท์ ! ในบรรดาสมณพราหมณ์ ที่กล่าวสอนเรื่องกรรมทั้ง 4 พวกนั้น ; สมณพราหณ์ ที่กล่าวสอนเรื่องกรรมพวกใด ย่อมบัญญัติสุขและทุกข์ ว่าเป็นสิ่งที่ตนทำเอาด้วยตนเอง ; แม้สุขและทุกข์ที่พวกเข้าบัญญัตินั้น ก็ยังต้องอาศัยผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดมีได้ ; สมณพราหณ์ที่กล่าวสอนเรื่องกรรมพวกใด ย่อมบัญญัติสุขและทุกข์ ว่าเป็นสิ่งที่ผู้อื่นทำให้, แม้สุขและทุกข์ที่พวกเข้าบัญญัตินั้น ก็ยังต้องอาศัยผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดมีได้ ; สมณพราหณ์ที่กล่าวสอนเรื่องกรรมพวกใด ย่อมบัญญัติสุขและทุกข์ ว่าเป็นสิ่งที่ตนทำเอาด้วยตนเองด้วย ผู้อื่นทำให้ด้วย ; แม้สุขและทุกข์ที่พวกเข้าบัญญัตินั้น ก็ยังต้องอาศัยผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดมีได้ ; ถึงแม้สมณพราหมณ์ที่กล่าวสอนเรื่องกรรมพวกใด ย่อมบัญญัติสุขและทุกข์ ว่าไม่ใช่ทำเองหรือใครทำให้ก็เกิดขึ้นได้ ก็ตาม, แม้สุขและทุกข์ที่พวกเข้าบัญญัตินั้น ก็ยังต้องอาศัยผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดมีได้ อยู่นั่นเอง.

ดูก่อนอานนท์ ! ในบรรดาสมณพราหมณ์ที่กล่าวสอนเรื่องกรรมทั้ง 4 พวกนั้น : สมณพราหณ์ที่กล่าวสอนเรื่องกรรมพวกใด ย่อมบัญญัติสุขและทุกข์ ว่าเป็นสิ่งที่ตนทำเอาด้วยตนเอง ; สมณพราหมณ์พวกนั้นหนา เว้นผัสสะเสียแล้ว จะรู้สึกต่อสุขและทุกข์นั้นได้ ดังนั้นหรือ : นั้นไม่ใช่ฐานะที่จักมีได้ ; ถึงแม้สมณพราหณ์ที่กล่าวสอนเรื่องกรรมพวกใด ย่อมบัญญัติสุขและทุกข์ ว่าเป็นสิ่งที่ผู้อื่นทำให้ก็ตาม ; สมณพราหมณ์พวกนั้นหนา เว้นผัสสะเสียแล้ว จะรู้สึกต่อสุขและทุกข์นั้นได้ ดังนั้นหรือ : นั่นไม่ใช่ฐานะที่จักมีได้; ถึงแม้สมณพราหมณ์ที่กล่าวสอนเรื่องกรรมพวกใด ย่อมบัญญัติสุขและทุกข์ ว่าเป็นสิ่งที่ตนทำเอาด้วยตนเองด้วย ผู้อื่นทำให้ด้วย ก็ตาม, สมณพราหมณ์พวกนั้นหนา เว้นผัสสะเสียแล้ว จะรู้สึกต่อสุขและทุกข์นั้นได้ ดังนั้นหรือ : นั่นไม่ใช่ฐานะที่จักมีได้; ถึงแม้สมณพราหมณ์ที่กล่าวสอนเรื่องกรรมพวกใด ย่อมบัญญัติสุขและทุกข์ ว่าไม่ใช่ทำเองหรือใครทำให้ก็เกิดขึ้นได้ ก็ตาม, สมณพราหมณ์พวกนั้นหนา เว้นผัสสะเสียแล้ว จะรู้สึกต่อสุขและทุกข์นั้นได้ ดังนั้นหรือ : นั่นไม่ใช่ฐานะที่จักมีได้ ;

ดูก่อนอานนท์ ! เมื่อกาย (กายทวารที่ทำหน้าที่อยู่ด้วยอวิชชา) ก็ตาม มีอยู่, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมบังเกิดขึ้น เพราะกายสัญเจตนา (ความจงใจที่เป็นไปทางกาย) เป็นเหตุ.

ดูก่อนอานนท์ ! เมื่อวาจา (วจีทวารที่ทำหน้าที่อยู่ด้วยอวิชชา) ก็ตาม มีอยู่, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมบังเกิดขึ้น เพราะวจีสัญเจตนา (ความจงใจที่เป็นไปทางวาจา) เป็นเหตุ.

ดูก่อนอานนท์ ! เมื่อมโน (มโนทวารที่ทำหน้าที่อยู่ด้วยอวิชชา) ก็ตาม มีอยู่, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมบังเกิดขึ้น เพราะมโนสัญเจตนา (ความจงใจที่เป็นไปทางใจ) เป็นเหตุ.

ดูก่อนอานนท์ ! เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยนั่นเทียว ธรรมชาติทางฝ่ายจิตย่อมปรุงแต่งให้เกิดกายสังขาร (อำนาจที่ทำให้เกิดการเป็นไปทางกาย) ซึ่งเป็นปัจจับให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้น, โดยตนเองบ้าง ;

ดูก่อนอานนท์ ! เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยนั่นเทียว ธรรมชาติทางฝ่ายจิตย่อมปรุงแต่งให้เกิดกายสังขาร ซึ่งเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้น, โดยอาศัยการกระตุ้นจากผู้อื่นบ้าง ;

ดูก่อนอานนท์ ! เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยนั่นเทียว ธรรมชาติทางฝ่ายจิตย่อมปรุงแต่งให้เกิดกายสังขาร ซึ่งเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้น, โดยรู้สึกตัวอยู่บ้าง ;

ดูก่อนอานนท์ ! เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยนั่นเทียว ธรรมชาติทางฝ่ายจิตย่อมปรุงแต่งให้เกิดกายสังขาร ซึ่งเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้น, โดยไม่รู้สึกตัวอยู่บ้าง ;

ดูก่อนอานนท์ ! เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยนั่นเทียว ธรรมชาติทางฝ่ายจิตย่อมปรุงแต่งให้เกิดวจีสังขาร (อำนาจที่เกิดการเป็นไปทางวาจา) ซึ่งเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้น, โดยตนเองบ้าง ;

ดูก่อนอานนท์ ! เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยนั่นเทียว ธรรมชาติทางฝ่ายจิตย่อมปรุงแต่งให้เกิดวจีสังขาร ซึ่งเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้น, โดยอาศัยการกระตุ้นจากผู้อื่นบ้าง ;

ดูก่อนอานนท์ ! เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยนั่นเทียว ธรรมชาติทางฝ่ายจิตย่อมปรุงแต่งให้เกิดวจีสังขาร ซึ่งเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้น, โดยรู้สึกตัวอยู่บ้าง ;

ดูก่อนอานนท์ ! เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยนั่นเทียว ธรรมชาติทางฝ่ายจิตย่อมปรุงแต่งให้เกิดวจีสังขาร ซึ่งเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้น, โดยไม่รู้สึกตัวอยู่บ้าง ;

ดูก่อนอานนท์ ! เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยนั่นเทียว ธรรมชาติทางฝ่ายจิตย่อมปรุงแต่งให้เกิดมโนสังขาร (อำนาจที่เกิดการเป็นไปทางใจ) ซึ่งเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้น, โดยตนเองบ้าง ;

ดูก่อนอานนท์ ! เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยนั่นเทียว ธรรมชาติทางฝ่ายจิตย่อมปรุงแต่งให้เกิดมโนสังขาร ซึ่งเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้น, โดยอาศัยการกระตุ้นจากผู้อื่นบ้าง ;

ดูก่อนอานนท์ ! เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยนั่นเทียว ธรรมชาติทางฝ่ายจิตย่อมปรุงแต่งให้เกิดมโนสังขาร ซึ่งเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้น, โดยรู้สึกตัวอยู่บ้าง ;

ดูก่อนอานนท์ ! เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยนั่นเทียว ธรรมชาติทางฝ่ายจิตย่อมปรุงแต่งให้เกิดมโนสังขาร ซึ่งเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้น, โดยไม่รู้สึกตัวอยู่บ้าง ;

ดูก่อนอานนท์ ! อวิชชา เป็นตัวการ ที่แทรกแซงแล้วในธรรมทั้งหลาย เหล่านั้น.

ดูก่อนอานนท์ ! เพราะความจางคลายดับไปไม่เหลือแห่งอวิชชานั่นเทียว, กาย (กายทวารที่ทำหน้าที่อยู่ด้วยอวิชชา) นั้น ย่อมไม่มีเพื่อความเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้น.

ดูก่อนอานนท์ ! เพราะความจางคลายดับไปไม่เหลือแห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว, วาจา (วจีทวารที่ทำหน้าที่อยู่ด้วยอวิชชา) นั้น ย่อมไม่มีเพื่อความเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ อันเป็นภายในเกิดขึ้น.

ดูก่อนอานนท์ ! เพราะความจางคลายดับไปไม่เหลือแห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว, มโน (มโนทวารที่ทำหน้าที่อยู่ด้วยอวิชชา) นั้น ย่อมไม่มีเพื่อความเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ อันเป็นภายในเกิดขึ้น.

ดูก่อนอานนท์ ! เพราะความจางคลายดับไปไม่เหลือแห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว, สัญเจตนา ในฐานะที่เป็นเขต (ที่เกิดที่งอกแห่งสุขและทุกข์ในภายใน) ก็ดี, ในฐานะที่เป็นวัตถุ (ที่ตั้งที่อาศัยแห่งสุขและทุกข์ในภายใน) ก็ดี, ในฐานะอายตนะ (ปัจจัยโดยตรงแห่งสุขและทุกข์ในภายใน) ก็ดี, ในฐานะที่เป็นอธิกรณะ (เครื่องมือกระทำให้เกิดสุขและทุกข์ในภายใน ก็ดี, ย่อมไม่มีเพื่อความเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้น, ดังนี้ แล.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ