[Font : 15 ]
| |
ทิฏฐิให้เกิดเวทนาชนิดที่ล้วนแต่เป็นทุกขสมุทัย |  

ภิกษุ ท.! บรรดาสมณพราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้น สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก สัสสตวาท ย่อมบัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง ด้วยวัตถุ (ที่ตั้งแห่งทิฏฐิ) 4 ประการ ก็ดี,

สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก เอกัจจสัสสติกเอกัจจอสัสสติกวาท (ย่อมบัญญัตอัตตาและโลกว่าเที่ยงบางอย่างไม่เที่ยงบางอย่าง ด้วยวัตถุ 4 ประการ) ก็ดี,

สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวกอันตานันติกวาท (ย่อมบัญญัติซึ่งโลกว่ามีที่สุดหรือไม่มีที่สุด ด้วยวัตถุ 4 ประการ) ก็ดี,

สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวกอมราวิกเขปิกวาท (เมื่อถูกถามปัญหาในที่นั้น ๆ ย่อมถึงความส่ายแห่งวาจาอันดิ้นได้ไม่ตายตัว ด้วยวัตถุ 4 ประการ) ก็ดี,

สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวกอธิจจสมุปปันนิกวาท (ย่อมบัญญัติอัตตาและโลกว่าเกิดเองลอย ๆ ด้วยวัตถุ 2 ประการ) ก็ดี,

สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวกปุพพันตกัปปิกวาท (มีปุพพันตนานุทิฏฐิ ปรารภ ขันธ์อันมีแล้วในกาลก่อน ย่อม กล่าวบัญญัติซึ่งอธิมุตติบท (ทางแห่งความหลุดพ้นอย่างยิ่งของสัตว์ตามทิฏฐิแห่งตน ๆ) มีอย่างเป็นอเนก ด้วยวัตถุ 18 ปรการ) ก็ดี;

สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวกอุทธมาฆตนิกสัญญีวาท (ย่อมบัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่ามีสัญญา ด้วยวัตถุ 16 ประการ) ก็ดี.

สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวกอุทธมาฆตนิกอสัญญีวาท (ย่อมบัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่าไม่มีสัญญา ด้วยวัตถุ 8 ประการ) ก็ดี,

สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก อุทธมาฆตนิกเนวสัญญีนาสัญญีวาท (ย่อมบัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้ว ว่ามีสัญญาก็หามิได้ ไม่มีสัญญาก็หามิได้ ด้วยวัตถุ 8 ประการ) ก็ดี,

สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวกอุจเฉทวาท (ย่อมบัญญัติซึ่งความขาดสูญ ความพินาศ ความไม่มี แห่งสัตว์ที่มีอยู่ ด้วยวัตถุ 7 ประการ) ก็ดี,

สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวกทิฏฐธัมมนิพพานวาท (ย่อมบัญญัติซึ่งปรมทิฏฐธัมมนิพพานวาท แก่สัตว์ที่มีอยู่ ด้วยวัตถุ 5 ประการ) ก็ดี,

สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวกอปรันตกัปปิกวาท (มือปรันตานุทิฏฐิ ปรารภขันธ์มีส่วนสุดในเบื้องหน้า ย่อมกล่าวบัญญัติซึ่งอธิมุตติบท มีประการต่าง ๆ เป็นอเนก ด้วยวัตถุ 44 ประการ) ก็ดี;

แม้สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก ปุพพันตกัปปิกวาท ก็ดี อปรันตกัปปิกวาท ก็ดี เป็นพวก ปุพพันตาปรันตกัปปิกวาท ก็ดี ล้วนแต่เป็นผุ้มีปุพพันตาปรันตานุทิฏฐิ ปรารภขันธ์ทั้งที่มีแล้วในกาลก่อนและขันธ์อันมีในเบื้องหน้า ย่อมกล่าวบัญญัติอธิมุตติบท มีอย่างเป็นอเนก ด้วยวัตถุ 62 ประการ;

สมณพราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้นทั้งหมด รู้สึกต่อเวทนาตามทิฏฐิ เฉพาะอย่าง ๆ ของตน ๆ ขึ้นมา (ปฏิสํเวทเทนฺติ7.1) เพราะการถูกต้องแล้วๆด้วย ผัสสายตนะ 6 ประการ, เพราะเวทนาแห่งสมณราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้นเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา; เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน; เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ; เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ; เพราะมีชาติเป็นปัจจัย จึงมีชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสสะอุปายาสทั้งหลาย

- สี. ที. 9/57/90.

(รายละเอียดเกี่ยวกับสมณพราหมณ์ทุกพวกข้าบนนี้ หาดูได้จากหนังสือปฏิจจ. โอ. หน้า 733 เป็นต้นไป.)


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ
หนังสือที่เกี่ยวข้อง