[Font : 15 ]
| |
ปฏิจจสมุปบาท มีหลักว่า "ไม่มีตนเอง ไม่มีผู้อื่น ที่ก่อสุขและทุกข์"

ปฏิจจสมุปบาท มีหลักว่า “ไม่มีตนเอง ไม่มีผู้อื่น ที่ก่อสุขและทุกข์”PTC37

ครั้งหนึ่ง ที่พระเชตวัน ตริมพรุกขปริพพาชก ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับแล้วได้ทูลถามว่า “ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! สุขและทุกข์ เป็นสิ่งที่บุคคลทำเองหรือ พระเจ้าข้า ?”

พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสตอบว่า “อย่ากล่าวอย่างนั้นเลย ติมพรุกขะ !”

“ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! สุขและทุกข์ เป็นสิ่งที่บุคคลอื่นกระทำให้หรือ พระเจ้าข้า ?”

อย่ากล่าวอย่างนั้นเลย ติมพรุกขะ !

“ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! สุขและทุกข์ เป็นสิ่งที่บุคคลกระทำเองด้วยและบุคคลอื่นกระทำให้ด้วยหรือ พระเจ้าข้า ?”

อย่ากล่าวอย่างนั้นเลย ติมพรุกขะ !

“ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! สุขและทุกข์ เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ทำเองและใครทำให้ก็เกิดขึ้นได้หรือ พระเจ้าข้า ?”

อย่ากล่าวอย่างนั้นเลย ติมพรุกขะ !

“ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! สุขและทุกข์ ไม่มีหรือ พระเจ้าข้า ?”

ดูก่อนติมพรุกขะ ! มิใช่สุขและทุกข์ไม่มี, ที่แท้ สุขและทุกข์มีอยู่.

“ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! ถ้าอย่างนั้น พระโคดมผู้เจริญย่อมไม่รู้ไม่เห็นสุขและทุกข์กระมัง ?”

ดูก่อนติมพรุกขะ ! เราจะไม่รู้ไม่เห็นสุขและทุกข์ ก็หามิได้; เราแลย่อมรู้ ย่อมเห็น ซึ่งสุขและทุกข์.

“ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! พระองค์, เมื่อข้าพระองค์ทูลถามว่า ‘ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! สุขและทุกข์ เป็นสิ่งที่บุคคลกระทำเองหรือ พระเจ้าข้า ?’ ดังนี้,ทรงตอบว่า ‘อย่ากล่าวอย่างนั้นเลย ติมพรุกขะ !’ ดังนี้ ; เมื่อข้าพระองค์ทูลถามว่า 'ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! สุขและทุกข์ เป็นสิ่งที่บุคคลอื่นกระทำให้หรือ พระเจ้าข้า ?' ดังนี้, ทรงตอบว่า 'อย่ากล่าวอย่างนั้นเลย ติมพรุกขะ !' ดังนี้ ; เมื่อข้าพระองค์ทูลถามว่า 'ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! สุขและทุกข์ เป็นสิ่งที่บุคคลกระทำเองด้วย และบุคคลอื่นกระทำให้ด้วยหรือ พระเจ้าข้า ?' ดังนี้, ทรงตอบว่า 'อย่ากล่าวอย่างนั้นเลยติมพรุกขะ !' ดังนี้ ; เมื่อข้าพระองค์ทูลถามว่า 'ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! สุขและทุกข์เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ทำเอง หรือใครทำให้ก็เกิดขึ้นได้หรือ พระเจ้าข้า ?' ดังนี้, ทรงตอบว่า 'อย่ากลัวอย่างนั้นเลย ติมพรุกขะ !' ดังนี้ ; เมื่อข้าพระองค์ทูลถามว่า 'ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! สุขหรือทุกข์ไม่มีหรือ พระเจ้าข้า ?' ดังนี้, ทรงตอบว่า 'ดูก่อนติมพรุกขะ ! มิใช่สุขหรือทุกข์ไม่มี, ที่แท้สุขหรือทุกข์มีอยู่' ดังนี้ ; ครั้นข้าพระองค์ทูลถามว่า 'ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! ถ้าอย่างนั้น พระโคดมผู้เจริญย่อมไม่รู้ไม่เห็นสุขและทุกข์กระมัง ?' ดังนี้, ก็ยังทรงตอบว่า 'ดูก่อนติมพรุกขะ ! เราจะไม่รู้ไม่เห็นสุขและทุกข์ก็หามิได้ ; เราแล ย่อมรู้ ย่อมเห็น ซึ่งสุขและทุกข์' ดังนี้, 'ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ขอพระผู้มีพระภาค จงตรัสบอกซึ่ง (เรื่องราวแห่ง) สุขและทุกข์ ; และจงทรงแสดงซึ่ง (เรื่องราวแห่ง) สุขและทุกข์ แก่ข้าพระองค์เถิด'.

ดูก่อนติมพรุกขะ ! เมื่อบุคคลมีความสำคัญมั่นหมายมาแต่ต้นว่า "เวทนาก็อันนั้น บุคคลผู้เสวยเวทนาก็คนนั้น" ดังนี้ไปเสียแล้ว แม้อย่างนี้เราก็ยังไม่กล่าวว่า "สุขและทุกข์เป็นสิ่งที่บุคคลกระทำเอง" ดังนี้.

ดูก่อนติมพรุกขะ ! เมื่อบุคคลถูกเวทนาสะกิดให้มีความสำคัญมั่นหมายว่า "เวทนาก็อันอื่น บุคคลผู้เสวยเวทนาก็คนอื่น" ดังนี้ไปเสียแล้ว แม้อย่างนี้เราก็ยังไม่กล่าวว่า "สุขและทุกข์ เป็นสิ่งที่บุคคลอื่นกระทำให้" ดังนี้.

ดูก่อนติมพรุกขะ ! ตถาคต ย่อมแสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่เข้าไปหาส่วนสุดทั้งสองนั้น คือตถาคต ย่อมแสดงดังนี้ว่า "เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย ; เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ; ...ฯลฯ...ฯลฯ...ฯลฯ…; เพราะมีชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้.

เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว, จึงมีความดับแห่งสังขาร ; เพราะมีความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ ; ...ฯลฯ ...ฯลฯ ...ฯลฯ...; เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้".

ติมพรุกขปริพพาชกนั้น กล่าวสรรเสริญพระธรรมโอวาทนั้นแล้ว ประกาศตนเป็นอุบาสกผู้รับนับถือพุทธศาสนา จนตลอดชีวิต, ดังนี้ แล.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ