[Font : 15 ]
| |
ปฏิจจสมุทบาท ซึ่งแสดงการดับลงแห่งทุกข์

ปฏิจจสมุทบาท ซึ่งแสดงการดับลงแห่งทุกข์PTC42

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เราจักแสดง ซึ่งการถึงซึ่งอันตั้งอยู่ไม่ได้แห่งทุกข์ (ทุกขอัตถังคนะ) แก่พวกเธอทั้งหลาย, เธอทั้งหลายจงฟังซึ่งความข้อนั้น, จงทำในใจให้สำเร็จประโยชน์, เราจักกล่าวบัดนี้.

(ครั้นภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น ทูลสนองรับพระพุทธดำรัสแล้ว, พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสถ้อยคำเหล่านี้ว่า:-)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ก็การถึงซึ่งอันตั้งอยู่ไม่ได้แห่งทุกข์ เป็นอย่างไรเล่า ?

(1) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เพราะอาศัยตาด้วย รูปทั้งหลายด้วย จึงเกิดจักขุวิญญาณ ; การประจวบพร้อมแห่งธรรม 3 ประการ (ตา+รูป+จักขุวิญญาณ) นั่นคือ ผัสสะ ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ; เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา. เพราะความจางคลายดับไปไม่เหลือแห่งตัณหานั่นเอง, จึงมีความดับแห่งอุปาทาน ; เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ ; เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ ; เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้น นี้ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้ นี้คือ การถึงซึ่งอันตั้งอยู่ไม่ได้แห่งทุกข์.

(2) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เพราะอาศัยหูด้วย เสียงทั้งหลายด้วย จึงเกิด โสตวิญญาณ ; การประจวบพร้อมแห่งธรรม 3 ประการ (หู+เสียง+โสตวิญญาณ) นั่นคือ ผัสสะ ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา, เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา : เพราะความจางคลายดับไปไม่เหลือแห่งตัณหานั่นเอง, จึงมีความดับแห่งอุปาทาน ; …ฯลฯ...PTC43 นี้คือ การถึงซึ่งอันตั้งอยู่ไม่ได้แห่งทุกข์.

(3) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เพราะอาศัยจมูกด้วย กลิ่นทั้งหลายด้วย จึงเกิด ฆานวิญญาณ ; การประจวบพร้อมแห่งธรรม 3 ประการ (จมูก+กลิ่น+ฆานวิญญาณ) นั่นคือ ผัสสะ ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ; เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา : เพราะความจางคลายดับไปไม่เหลือแห่งตัณหานั่นเอง, จึงมีความดับแห่งอุปาทาน ; …ฯลฯ... นี้คือ การถึงซึ่งอันตั้งอยู่ไม่ได้แห่งทุกข์.

(4) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เพราะอาศัยลิ้นด้วย รสทั้งหลายด้วย จึงเกิด ชิวหาวิญญาณ, การประจวบพร้อมแห่งธรรม 3 ประการ (ลิ้น+รส+ชิวหาวิญญาณ) นั่นคือ ผัสสะ ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ; เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา, เพราะความจางคลายดับไปไม่เหลือแห่งตัณหานั่นเอง, จึงมีความดับแห่งอุปาทาน ; ..ฯลฯ... นี้คือ การถึงซึ่งอันตั้งอยู่ไม่ได้แห่งทุกข์.

(5) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เพราะอาศัยกายด้วย โผฎฐัพพะรูปทั้งหลายด้วย จึงเกิดกายวิญญาณ ; การประจวบพร้อมแห่งธรรม 3 ประการ (กาย+โผฏฐัพพะ+วิญญาณ) นั่นคือ ผัสสะ ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ; เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา. เพราะความจางคลายดับไปไม่เหลือแห่งตัณหานั่นเอง, จึงมีความดับแห่งอุปาทาน ; ...ฯลฯ... นี้คือ การถึงซึ่งอันตั้งอยู่ไม่ได้แห่งทุกข์.

(6) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เพราะอาศัยใจด้วยธัมมารมณ์รูปทั้งหลายด้วย จึงเกิดมโนวิญญาณ ; การประจวบพร้อมแห่งธรรม 3 ประการ (ใจ+ธัมมารมณ์+มโนวิญญาณ) นั่นคือ ผัสสะ ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ; เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา. เพราะความจางคลายดับไปไม่เหลือแห่งตัณหานั่นเอง, จึงมีความดับแห่งอุปาทาน ; เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ ; เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ ; เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้ นี้คือ การถึงซึ่งอันตั้งอยู่ไม่ได้แห่งทุกข์.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เหล่านี้แล คือการถึงซึ่งอันตั้งอยู่ไม่ได้แห่งทุกข์.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ