[Font : 15 ]
| |
ทรงประพฤติอัตตกิลมถานุโยค |  

(วัตรของเดียรถีย์)

สารีบุตร ! เราตถาคตรู้เฉพาะซึ่ง พรหมจรรย์อันประกอบด้วยองค์ 4 ที่ได้ประพฤติแล้ว; ตปัสสีวัตร เราก็ได้ประพฤติอย่างยิ่ง, ลูขวัตร เราก็ได้ประพฤติอย่างยิ่ว, เชคุจฉิวัตร เราก็ได้ประพฤติอย่างยิ่ง ปวิวิตตวัตร เราก็ได้ประพฤติอย่างยิ่ง.

ในวัตร 4 อย่างนั้น นี้เป็น ตปัสสีวัตร (วัตรเพื่อมีตบะ) ของเราคือเราได้ประพฤติเปลือยกาย มีมรรยาทอันปล่อยทิ้งเสียแล้ว เป็นผู้ประพฤติเช็ดอุจจาระของตนด้วยมือ ถือเป็นผู้ไม่รับอาหารที่เขาร้องเชิญว่าท่านผู้เจริญจงมา ไม่รับอาหารที่เขาร้องนิมนต์ว่าท่านผู้เจริญจงหยุดก่อน ไม่ยินดีในอาหารที่เขานำมาจำเพาะ ไม่ยินดีในอาหารที่เขาทำอุทิศเจาะจง ไม่ยินดีในอาหารที่เขาร้องนิมนต์เราไม่รับ อาหารจากปากหม้อ ไม่รับอาหารจากปากภาชนะ ไม่รับอาหารคร่อมธรณีประตู ไม่รับอาหารคร่อมท่อนไม้ ไม่รับอาหารคร่อมสาก ไม่รับอาหารของชน 2 คนผู้บริโภคอยู่ ไม่รับอาหารของหญิงมีครรภ์ ไม่รับอาหารของหญิ่งที่กำลังให้บุตรดื่มนมอยู่ ไม่รับอาหารของหญิงผู้ไปในระหว่างแห่งบุรุษไม่รับอาหารในอาหารที่มนุษย์ชักชวนร่วมกันทำ ไม่รับอาหารในที่ที่มีสุนัขเข้าไปยืนเฝ้าอยู่ ไม่รับอาหารในที่ที่เห็นแมลงวันบินไปเป็นหมู่ๆ ไม่รับปลา ไม่รับเนื้อ ไม่รับสุรา ไม่รับเมรัย ไม่ดื่มน้ำอันดองด้วยแกลบ เรารับเรือนเดียวฉันคำเดียวบ้าง รับ 3 เรือนฉัน 2 คำบ้าง รับ 3 เรือนฉัน 3 คำบ้าง ....ฯลฯ....รับเจ็ดเรือนฉัน 7 คำบ้าง, เราเลี้ยงร่างกายด้วยอาหารในภาชนะน้อย ๆ ภาชนะเดียวบ้าง เลี้ยงร่างกายด้วยอาหารในภาชนะน้อย ๆ 2 ภาชนะบ้าง ..ฯลฯ. เลี้ยงร่างกายด้วยอาหารในภาชนะน้อยๆ 7 ภาชนะบ้าง เราฉันอาหารที่เก็บไว้วันเดียวบ้าง ฉันอาหารที่เก็บไว้ 2 วันบ้าง ....ฯลฯ.... ฉันอาหารที่เก็บไว้เจ็ดวันบ้าง,เราประกอบความเพียรในภัตรและโภชนะมีปริยายอย่างนี้ จนถึงกึ่งเดือนด้วยอาการอย่างนี้. เรานั้น มีผักเป็นภักษาบ้าง มีสารแห่งหญ้ากับแก้เป็นภักษาบ้าง มีลูกเดือยเป็นภักษาบ้าง มีเปลือกไม้เป็นภักษาบ้าง มีสาหร่ายเป็นภักษาบ้าง มีรำข้าวเป็นภักษาบ้าง มีข้าวตัวเป็นภักษาบ้าง มีข้าวสารหักเป็นภักษาบ้าง มีหญ้าเป็นภักษาบ้าง มีโคมัย (ขี้วัว) เป็นภักษาบ้าง มีผลไม้และรากไม้ในป่าเป็นอาหารบ้างบริโภคผลไม้อันเป็นไป (หล่นเอง) ยังชีวิตให้เป็นไปบ้าง. เรานั้นนุ่งห่มด้วยผ้าป่านบ้าง นุ่งห่มผ้าเจือกันบ้าง นุ่งห่มผ้าที่เขาทิ้งไว้กับซากศพบ้าง นุ่งห่มผ้าคลุกฝุ่นบ้างนุ่งห่มเปลือกไม้บ้าง นุ่งห่มหนังอชินะบ้าง นุ่งห่มหนังอชินะทั้งเล็บบ้าง นุ่งห่มแผ่นหญ้าคากรองบ้าง นุ่งห่มแผ่นปอกรองบ้าง นุ่งห่มแผ่นกระดานกรองบ้างนุ่งห่มผ้ากัมพลผมคนบ้าง นุ่งห่มผ้ากัมพลทำด้วยขนหางสัตว์บ้าง นุ่งห่มปีกนกเค้าบ้าง (ศัพท์นี้แปลกที่ไม่มีคำว่ากัมพล) เราตัดผมและหนวด ประกอบตามซึ่งความเพียรในการตัดผมและหนวด, เราเป็นผู้ยืนกระหย่งห้ามเสียซึ่งการนั่ง, เป็นผู้เดินกระหย่ง ประกอบตามซึ่งความเพียรในการเดินกระหย่งบ้าง, เราประกอบการยืนการเดินบนหนาม สำเร็จการนอนบนที่นอนทำด้วยหนาม, เราประกอบตามซึ่งความเพียรในการลงสู่น้ำ เวลาเย็นเป็นครั้งที่ 3 บ้าง, เราประกอบตามซึ่งความเพียรในการทำ (กิเลสใน) กายในเหือดแห้ง ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่นนี้ ด้วยอาการอย่างนี้.สารีบุตร ! นี่และป็นวัตรเพื่อความเป็นผู้มีตบะ ของเรา.

สารีบุตร ! ในวัตร 4 อย่างนั้น นี้เป็น ลูขวัตร (วัตรในการเศร้าหมอง) ของเรา คือ ธุลีเกรอะกรังแล้วที่กาย สิ้นปีเป็นอันมากเกิดเป็นสะเก็ดขึ้น. สารีบุตร !เปรียบเหมือนตอตะโกนานปีมีสะเก็ดขึ้นแล้ว ฉันใดก็ฉันนั้น ธุลีเกรอะกรังแล้วที่กาย สิ้นปีเป็นอันมากจนเกิดเป็นสะเก็ดขั้น. สารีบุตร! ความคิดนึกว่า โอหนอเราพึงลูบธุลีนี้ออกเสียด้วยฝ่ามือเถิด ดังนี้ ไม่มีแก่เรา, แม้ความคิดนึกว่าก็หรือชนเหล่าอื่นพึงลูบธุลีนี้ออกเสียด้วยฝ่ามือเถิด ดังนี้ ก็มิได้มีแก่เรา. ดูก่อนสารีบุตร !นี้แล เป็นวัตรใน ความเป็นผู้เศร้าหมองของเรา.

สารีบุตร ! ในวัตร 4 อย่างนั้น นี้เป็น เชคุจฉิวัตร (วัตรในความเป็นผู้รังเกียจ) ของเรา คือ ดูก่อนสารีบุตร ! เรานั้นมีสติก้าวขาไป มีสติก้าวขากลับ โดยอาการเท่าที่ความเอ็นดูอ่อนโยนของเราพึงบังเกิดขึ้น แม้ในหยาดแห่งน้ำ ว่าเราอย่างทำสัตว์น้อยๆ ทั้งหลายที่มีคติไม่เสมอกันให้ลำบากเลย. สารีบุตร ! นี้แลเป็นวัตรในความเป็นผู้รังเกียจของเรา.

สารีบุตร ! ในวัตร 4 อย่างนั้น นี้เป็น ปวิวิตตวัตร (วัตรในความเป็นผู้สงัดทั่วแล้ว) ของเรา คือ ดูก่อนสารีบุตร ! เรานั้นเข้าสู่ราวป่าแห่งใดแห่งหนึ่งแล้วแลอยู่ เมื่อเห็นคนเลี้ยงโค หรือคนเลี้ยงปศุสัตว์ หรือคนเกี่ยวหญ้า หรือคนหาไม้ หรือคนทำงานในป่ามา เราก็รีบลัดเลาะจากป่านี้ไปป่าโน้น จากรกชัฎนี้สู่รกชัฎโน้น จากลุ่มนี้สู่ลุ่มโน้น จากดอนนี้สู่ดอนโน้น เพราะเหตุคิดว่า ขอคนพวกนั้นอย่าเห็นเราเลย และเราก็อย่าได้เห็นชนพวกนั้น. สารีบุตร ! เปรียบเหมือนเนื้ออันอยู่ในป่า เห็นมนุษย์แล้วย่อมเลาะลัดจากป่านี้สู่ป่าโน้น จากรกชัฎนี้สู่รกชัฎโน้น จากลุ่มนี้สู่ลุ่มโน้น จากดอนนี้สู่ดอนโน้น, ฉันใดก็ฉันนั้น ที่เราเมื่อเห็นคนเลี้ยงโคหรือคนเลี้ยงปศุสัตว์หรือคนเกี่ยวหญ้า คนหาไม้ คนทำงานในป่ามาก็รีบเลาะลัดจากป่านี้สู่ป่าโน้น จากรกชัฎนี้สู่รกชัฎโน้น จากลุ่มนี้สู่ลุ่มโน้น จากดอนนี้สู่ดอนโน้น ด้วยหวังว่าคนพวกนี้อย่าเห็นเราเลย และเราก็อย่าได้เห็นคนพวกนั้น. สารีบุตร ! นี้แล เป็นวัตรในความเป็นผู้สงัดทั่วของเรา.

สารีบุตร ! เรานั้น โคเหล่าใดออกจากคอกหาคนเลี้ยงมิได้, เราก็คลานเข้าไปในที่นั้น ถือเอาโคมัยของลูกโคน้อยๆที่ยังดื่มนมแม่เป็นอาหาร. สารีบุตร! มูตรและกรีส (ปัสสาวะและอัจจาระ) ของตนเอง ยังไม่หมดเพียงใด เราก็ถือมูตรและกรีสนั้นเป็นอาหารตลอดกาลเพียงนั้น. ดูก่อน สารีบุตร ! นี้แลเป็นวัตรในมหาวิกฏโภชนวัตร ของเรา.

สารีบุตร ! เราแลเข้าไปสู่ชัฎแห่งป่าน่าพึงกลัวแห่งใดแห่งหนึ่งแล้วแลอยู่. เพราะชัฎแห่งป่านั้นกระทำซึ่งความกลัวเป็นเหตุ ผู้ที่มีสันดานยังไม่ปราศจากราคะ เข้าไปสู่ชัฎป่านั้นแล้ว โลมชาติย่อมชูชันโดยมาก. สารีบุตร ! เรานั้นในราตรีทั้งหลายอันมีในฤดูหนาวระหว่างแปดวัน เป็นสมัยที่ตกแห่งหิมะอันเย็นเยือกกลางคืนเราอยู่ที่กลางแจ้ง กลางวันเราอยู่ในชัฎแห่งป่า. ครั้นถึงเดือนสุดท้ายแห่งฤดูร้อน กลางวันเราอยู่ในที่แจ้ง กลางคืนเราอยู่ในป่า. สารีบุตร ! คาถาน่าเศร้านี้ อันเราไม่เคยฟังมาแต่ก่อนมาแจ้งแก่เราว่า :-

"เรานั้นแห้ง (ร้อน) แล้วผู้เดียว, เปียกแล้วผู้เดียว, อยู่ในป่าน่าพึงกลัวแต่ผู้เดียว, เป็นผู้มีกายอันเปลือยเปล่า ไม่ผิงไฟ, เป็นมุนีขวนขวายแสวงหาความบริสุทธิ์." ดังนี้.

สารีบุตร ! เรานั้นนอนในป่าช้า ทับกระดูกแห่งซากศพทั้งหลายฝูงเด็กเลี้ยงโคเข้ามาใกล้เรา โห่ร้องใส่หูเราบ้าง ถ่ายมูตรรดบ้าง ซัดฝุ่นใส่บ้างเอาไม้แหลมๆ ทิ่มช่องหูบ้าง. สารีบุตร ! เราไม่รู้สึกซึ่งจิตอันเป็นบาปต่อเด็กเลี้ยงโคทั้งหลายเหล่านั้นแม้ด้วยการทำความคิดนึกให้เกิดขึ้น. สารีบุตร ! นี้เป็นวัตรในการอยู่อุเบกขาของเรา.

สารีบุตร ! สมณพราหมณ์บางพวกมักกล่าวมักเห็นอย่างนี้ว่า "ความบริสุทธิ์มีได้เพราะอาหาร", สมณพราหมณ์พวกนั้นกล่าวกันว่า พวกเราจงเลี้ยงชีวิตให้เป็นไปด้วยผลกะเบา03.3 ทั้งหลายเถิด. สมณพราหมณ์เหล่านั้นจึงเคี้ยวกินผลกะเบาบ้าง เคี้ยวกินกะเบาตำผงบ้าง ดื่มน้ำคั้นจากผลกะเบาบ้าง ยิ่งบริโภคผลกะเบาอันทำให้แปลกๆ มีอย่างต่าง ๆ บ้าง. สารีบุตร ! เราก็ได้ใช้กะเบาผลหนึ่งเป็นอาหาร สารีบุตร ! คำเล่าลืออาจมีแก่เธอว่า ผลกะเบาในครั้งนั้น ใหญ่มากข้อนี้เธออย่าเห็นอย่างนั้น ผลกะเบาในครั้งนั้น ก็โตเท่านี้เป็นอย่างยิ่งเหมือนในครั้งนี้เหมือนกัน. สารีบุตร ! เมื่อเราฉันกะเบาผลเดียวเป็นอาหาร ร่างกายได้ถึงความซูบผอมอย่างยิ่ง. เถาวัลย์อาสีติกบรรพหรือเถากาฬบรรพมีสัณฐานเช่นไร อวัยวะน้อยใหญ่ของเรา ก็เป็นเหมือนเช่นนั้น เพราะความเป็นผู้มีอาหารน้อย. รอยเท้าอูฐมีสัณฐานเช่นไร รอยตะโพกนั่งทับของเราก็มีสัณฐานเช่นนั้น เพราะความเป็นผู้มีอาหารน้อย. เถาวัฏฏนาวฬีมีสัณฐานเช่นใด กระดูกสันหลังของเราก็เป็นข้อๆมีสัณฐานเช่นนั้น เพราะความเป็นผู้มีอาหารน้อย. กลอน (หรือจันทัน) แห่งศาลาที่คร่ำคร่าเกะกะมีสัณฐานเช่นไร ซี่โครงของเราก็เกะกะมีสัณฐานเช่นนั้น เพราะความเป็นผู้มีอาหารน้อย. ดวงดาวที่ปรากฎในน้ำในบ่อน้ำอันลึก ปรากฎอยู่ลึกฉันใด ดวงดาวคือลูกตาของเรา ปรากฎอยู่ลึกในเบ้าตาฉันนั้น เพราะความเป็นผู้มีอาหารน้อย.น้ำเต้าที่เขาตัดแต่ยังอ่อน ครั้นถูกลมและแดดย่อมเหี่ยวยู่ยี่ มีสัณฐานเป็นเช่นไร หนังศีรษะแห่งเราก็เหี่ยวยู่มีสัณฐานเช่นนั้น เพราะความเป็นผู้มีอาหารน้อย. สารีบุตร ! เราตั้งใจว่าลูบท้อย ก็ลูบถูกกระดูกสันหลังด้วย, ตั้งใจว่าลูบกระดูกสันหลังก็ลูบถูกท้องด้วย. สารีบุตร ! หนังท้องกับกระดูกสันหลังของเราชิดกันสนิท เพราะความเป็นผู้มีอาหารน้อย. สารีบุตร ! เรา เมื่อคิดว่าจักถ่ายอุจจาระปัสสาวะก็ล้มพับอยู่ตรงนั้น เพราะความเป็นผู้มีอาหารน้อย. สารีบุตร ! เรา เมื่อจะบรรเทาซึ่งกายนั้นให้มีความสุขบ้าง จึงลูบตัวด้วยฝ่ามือ, เมื่อเราลูบตัวด้วยฝ่ามือ ขนที่มีรากเน่าแล้วได้หลุดออกจากกายร่วงไป เพราะความเป็นผู้มีอาหารน้อย.

(ต่อจากนี้ มีเรื่องการบริสุทธิ์เพราะอาหารอย่างเดียวกับการบริโภคผลกะเบา ต่างกันแต่แทนผลกะเบา กลายเป็น ถั่วเขียว, งา, ข้าวสาร เท่านั้น. พระองค์ได้ทดลองเปลี่ยนทุกๆ อย่าง. เรื่องตั้งแต่ต้นมา แสดงว่าพระองค์ได้ทรงเคยประพฤติวัตรของเดียรถีย์ที่เรียกว่าอัตตกิลมถานุโยคแล้วทุกๆอย่าง สรุปเรียกได้ว่าส่วนสุดฝ่ายข้างตึง ที่พระองค์สอนให้เว้น ในยุคหลัง. วัตรเหล่านี้สันนิษฐานว่าทำทีหลังการไปสำนัก 2 ดาบส. ถ้าทีหลังก็ต้องก่อนเบญจวัคคีย์ไปอยู่ด้วย ยุติเป็นอย่างไรแล้วแต่จะวินิจฉัย เพราะระยะทำความเพียรนานถึง 6 ปี ได้เหตุผลเป็นอย่างไรโปรดเผยแผ่กันฟังด้วย).

- ตรัสเล่าแก่ตระสารีบุตร, บาลี มหาสีหนาทสูตร สีหนาทวรรค มู.ม. 12/155/177, ที่วนสัณฑ์ ใกล้เมืองเวสาลี. วัตรเหล่านี้ในบาลีไม่แสดงไว้ชัดว่า ทรงทำก่อนหรือหลังการไปสำนัก 2 ดาบส หรือคราวเดียวกับทุกรกิริยาอดอาหาร.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ
หนังสือที่เกี่ยวข้อง