ไปยังหน้า : |
[Font : 15 ]
|
| | |
(มารได้เข้ามาหาพระองค์เมื่อทรงประทับอยู่ท่ามกลางภิกษุสงฆ์ กำลังกระทำสากัจฉาอยู่ด้วยเรื่องอันเกี่ยวกับนิพพาน มาในภาพแห่งชาวนา แบกไถถือปฏัก เนื้อตัวเลอะเทอะด้วยโคลน ตะโกนถามขึ้นว่า "เฮ้ยสมณะ! เห็นวัวมาทางนี้บ้างไหม?" พระองค์ตรัสว่ "ดูก่อนมาร! จะมีประโยชน์อะไร เกี่ยกับวัวของท่าน" ซึ่งทำให้มารกล่าวขึ้นว่า "สมณะเอ๋ย! ตาก็ของข้า รูปก็ของข้า สิ่งที่เนื่องอยู่กับจักขุสัมผัสและวิญญาณก็ของข้า; สมณะเอ๋ย! ท่านจะหนีพ้นไปจากเราได้ที่ไหน. (ในกรณีแห่ง หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มารก็ได้กล่าวอย่างเดียวกัน.) พระผู้มีพระภาคได้ตรัสตอบกะมารว่า :-)
มาร, เออน่ะ! จักษุก็ของท่าน รูปก็ของท่าน สิ่งที่เนื่องอยู่กับจักขุสัมผัสและวิญญาณก็ของท่าน. มารเอ๋ย ! แต่ในที่ที่ไม่มีจักษุ ไม่มีรูป ไม่มีสิ่งที่เนื่องอยู่กับจักขุสัมผัสและวิญญาณเล่า ท่านก็หมดหนทางไป นะมารนะ. (ในกรณีเกี่ยวกับ หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็ตรัสอย่างเดียวกัน. มารได้กล่าวว่า :-)
"ชนเขากล่าวสิ่งใด ว่านี้ "ของเรา" ดังนี้ และชนเหล่าใด กล่าวว่า "เรา" ดังนี้; สมณะเอ๋ย! ถ้าใจของท่านเข้าไปมีอยู่ในสิ่งนั้นๆ ท่านก็ไม่พ้นไปจากเราได้."
(พระผู้มีพระภาคตรัสต่อไปว่า :-)
ชนเขากล่าวสิ่งใด ว่า "ของเรา" สิ่งนั้นไม่ใช่ของเราตถาคต. ชนเหล่าใดกล่าวว่า "เรา" เราตถาคตก็มิใช่ชนเหล่านั้น. ดูก่อนมาร! ท่านจงรู้อย่างนี้เถิดว่า คนอย่างท่าน ไม่มีวันจะรู้จักทางของเรา ดังนี้.
ลำดับนั้น มารผู้มีบาป รู้สึกว่า พระผู้มีพระภาครู้กำพืดเราเสียแล้ว พระสุคตรู้กำพืดเราเสียแล้ว มีทุกข์โทมนัส อันตรธานไปแล้วในที่นั้นนั่นเอง.
- บาลี สคา. สํ. 15/168/472. ตรัสแก่มาร.