[Font : 15 ]
| |
ทรงรับว่าทรงทราบมายา แต่ไม่ทรงมีมายา |  

"ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ! ข้อนี้ ข้าพระองค์ได้สดับมาว่า `พระสมณโคดมทรงทราบซึ่งมายา' ดังนี้. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ! พวกใดกล่าวว่าพระสมณโคดมทรงทราบ ซึ่งมายา ดังนี้, พวกนั้น มีการกล่าวตามพระผู้มีพระภาคกล่าวหรือ ไม่ได้กล่าวตู่พระผู้มีพระภาคด้วยคำไม่จริงหรือ เขากล่าวถูกต้องตามธรรมหรือ และสหธรรมิกบางคนที่กล่าวตามก็จะไม่พลอยกลายเป็นผู้ที่ควรถูกติเตียนไปด้วยหรือ? พวกข้พระองค์ไม่ประสงค์จะกล่าวคำซึ่งเป็นการกล่าวตู่พระผู้มีพระภาค พระเจ้าข้า!"

คามณิ! ชนเหล่าใดที่กล่าวว่า พระสมณโคดมทรงทราบซึ่งมายานั้นชื่อว่าเป็นการกล่าวตามที่เรากล่าว ไม่ได้กล่าวตู่เราด้วยคำไม่จริง เขากล่าวถูกต้องตามธรรม และสหธรรมิกบางคนที่กล่าวตามก็จะไม่พลอยกลายเป็นผู้ที่ควรถูกติเตียนไปด้วย.

"ข่าวเล่าลือนั้นมีจริง พระโคดมผู้เจริญ! แต่พวกข้าพระองค์ไม่เชื่อสมณพราหมณ์เหล่านั้น ที่กล่าวว่าพระสมณโคดมทรงทราบซึ่งมายา ดังนี้; แต่ยังมีผู้ที่กล่าวว่า`ท่านผู้เจริญ! พระสมณโคดม เป็นผู้มีมายา' ดังนี้."

คามณิ! ผู้ใดกล่าวว่าเรารู้มายา แล้วก็เป็นอันกล่าวว่าเราเป็นผู้มีมายาด้วย ดังนั้นหรือ?

"ข้าแต่พระผู้มีภาค! ข้อนั้น มันเป็นอย่างนั้น. ข้าแต่พระสุคต! ข้อนั้นมันเป็นอย่างนั้น."

คามณิ! ถ้าอย่างนั้น เราขอย้อนถามท่านในเรื่องนี้อีก ท่านจงตอบตามที่ควร:

คามณิ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : ท่านรู้จักพวกขุนนางผมย้อยของกษัตริย์พวกโกฬิยะหรือ? "รู้จัก พระเจ้าข้า!"

คามณิ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้อย่างไร : พวกขุนนางผมย้อยของกษัตริย์พวกโกฬิยะ มีหน้าที่อะไร? "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! มีหน้าที่ป้องกันโจรให้แก่พวกกษัตริย์โกฬิยะด้วย มีหน้าที่กำจัดจารชนให้แก่พวกกษัตริย์โกฬิยะด้วย. พวกขุนนางผมย้อยของกษัตริย์พวกโกฬิยะ มีหน้าที่อย่างนี้ พระเจ้าข้า!"

คามณิ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : ท่านทราบว่าพวกขุนนางเหล่านั้น เป็นคนมีศีลหรือเป็นคนทุศีล? "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! ข้าพระองค์ทราบว่าขุนนางเหล่านั้น เป็นคนทุศีล มีธรรมอันเลว, รวมอยู่ในบรรดาพวกคนทุศีล มีธรรมอันเลวที่มีอยู่ในโลก พระเจ้าข้า!"

คามณิ! ผู้ใดกล่าวว่า ปาฎลิยคามณิรู้จักพวกขุนนางผมย้อยของกษัตริย์พวกโกฬิยะ ว่าเป็นคนทุศีลมีธรรมอันเลว แล้วจะเป็นว่าปาฎลิยคามณิก็เป็นคนทุศีล มีธรรมอันเลวไปด้วย ดังนั้นหรือ, ผู้กล่าวเช่นนั้น ชื่อว่าเป็นผู้กล่าวโดยชอบหรือ? "ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า! ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! พวกขุนนางผมย้อยของกษัตริย์พวกโกฬิยะ เป็นอย่างหนึ่ง, ข้าพระองค์เป็นอีกอย่างหนึ่ง, พวกขุนนางผมย้อยของกษัตริย์พวกโกฬิยะ มีธรรมเป็นอย่างหนึ่ง, ข้าพระองค์มีธรรมเป็นอีกอย่างหนึ่งพระเจ้าข้า!"

คามณิ! ท่านนั่นแหละ จักได้ในข้อที่ว่า ปาฎลิยคามณิรู้ว่าพวกขุนนางเหล่านั้น เป็นคนทุศีล มีธรรมอันเลว แต่ปาฎลิยคามณิหาได้เป็นคนทุศีล มีธรรมอันเลวไปด้วยไม่ ดังนี้. เพราะเหตุนั้น ตถาคตก็จักได้ในข้อที่ว่า ตถาคตรู้ซึ่งมายา แต่ตถาคตหา ได้เป็นผู้มีมายาไปด้วยไม่ ดังนี้.

(ต่อจากนั้น ได้ตรัสถึงอกุศลกรรมบถ 10 ในฐานะเป็นมายา; และตรัสอบายทุคติวินิบาตนรก ในฐานะเป็นวิบากของมายา.)

- บาลี สฬา. สํ. 18/419/649. ตรัสแก่ปาฎลิยคามณิ ที่อุตตรนิคม แคว้นโกลิยะ.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ
หนังสือที่เกี่ยวข้อง