[Font : 15 ]
| |
ตามเสียงของปีโลติกะปริพพาชก : ทรงมีคุณธรรมลึกจนผู้อื่นได้แต่เพียงอนุมานเอา |  

ชาณุสโสณีพราหมณ์เห็นปิโลติกะปริพพาชกเดินมาแต่ที่ไกล ได้ถามว่า "ท่านผู้เป็นวัจฉายนโคตร ย่อมมาแต่ไหนแต่ยังวันเช่นนี้?"

"ท่านผู้เจริญ! ข้าพเจ้ามาแต่สำนักพระสมณโคดม".

"ท่านวัจฉายนโคตรผู้เจริญ! บัณฑิตพากันถือว่าพระสมณโคดมมีความรอบรู้และความเฉียบแหลมเพียงไหน?"

"ท่านผู้เจริญ! ข้าพเจ้านะหรือ จักรู้จักความรอบรู้และความเฉียบแหลมของพระสมณโคดม ว่าเป็นอย่างไรได้, คนที่จะรู้ได้ ก็มีแต่คนที่มีความรอบรู้และความเฉียบแหลมเท่ากับพระสมณโคดมเท่านั้น"

"ท่านผู้เจริญ! ท่านผู้เป็นวัจฉายนโคตรย่อมสรรเสริญพระสมณโคดมกับเขาด้วยอย่างมากมายเหมือนกันหรือ?"

"ท่านผู้เจริญ! อะไร ข้าพเจ้านะหรือจะไม่สรรเสริญพระสมณโคดม.พระสมณโคดมนั้น เป็นผู้ที่ใครๆ พากันสรรเสริญกันทั่วหน้า ว่าเป็นผู้ประเสริฐกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย".

"ท่านผู้วัจฉายนโคตร เห็นอำนาจประโยชน์ของอะไร จึงได้มีความเลื่อมใสในพระสมณโคดมมากมายถึงเพียงนี้?"

"ท่านผู้เจริญ! ข้าพเจ้าเป็นใครไหนมา ที่จะไม่เลื่อมใสอย่างมากมายในพระสมณโคดม. เรื่องนี้ เปรียบเหมือนนักล่าช้างผู้ฉลาด เข้าไปในป่าช้างได้เห็นรอยเท้าช้างในป่านั้น โดยยาวก็ยาวมาก โดยกว้างก็กว้างมาก, เขาก็ถึงความแน่ใจได้ว่า ช้างตัวนี้ใหญ่ ข้อนี้ฉันใด ข้าพเจ้าก็ฉันนั้น, ในกาลใดได้เห็นเครื่องยืนยัน 4 ประการในพระสมณโคดม, ในกาลนั้นข้าพเจ้าก็ถึงความแน่ใจว่าพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง พระธรรมเป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้านั้นตรัสไว้ถูกต้องแล้ว สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว ดังนี้.

"ท่านผู้เจริญ! เครื่องยืนยัน 4 ประการนั้นเป็นอย่างไรเล่า? คือ (1) ข้าพเจ้าได้เห็นขัตติยบัณฑิต บางพวก มีปัญญาละเอียดสุขุม เคยทำการโต้วาทะ มาอย่างเชี่ยวชาญ มีปัญญาคมกล้าปาน ว่าจะแทงขนเนื้อทรายได้เที่ยวทำลายความคิดเห็นของผู้อื่นอยู่ด้วยปัญญาของตน บัณฑิตเหล่านั้นได้ฟังข่าวว่าพระสมณโคดมประทับอยู่ที่หมู่บ้านหรือนิคมชื่อนั้นๆ เขาพากันผูกปัญหาเตรียมไว้ทุกลู่ทุกทางว่า ถ้าเราถามปัญหานี้กะพระสมณโคดม ถ้าพระสมณโคดมแก้อย่างนี้เราจะแย้งอย่างนั้น, ถ้าแก้อย่างนั้น เราจะแย้งอย่างนี้ แล้วพากันไปสู่หมู่บ้านหรือสู่นิคมที่พระสมณโคดมประทับอยู่ ครั้นไปถึงแล้วได้เข้าไปเฝ้าพระสมณโคดมถึงที่ประทับ. พระสมณโคดมได้แสดงธรรมิกถา ได้ปลุกใจขัตติยบัณฑิตเหล่านั้นให้มีกำลังใจกล้าหาญร่าเริงด้วยธรรมิกถา, บัณฑิตเหล่านั้น ถูกชี้แจงปลุกใจให้มีกำลังใจกล้าหาญร่าเริงเช่นนั้นแล้ว ก็หาได้ถามปัญหาไม่, แล้วจะพูดอะไรกันถึงการแย้งตามที่คิดกันไว้. เขาพากันกลายเป็นสาวกของพระสมณโคดมนั่นเอง หมดสิ้นไม่มีเหลือ.ท่านผู้เจริญ! ในกาลใดข้าพเจ้าได้เห็นเครื่องยืนยันประการที่ 1 นี้ ในพระสมณโคดมในกาลนั้นข้าพเจ้าก็ถึงความแน่ใจว่า `พระผู้มีพระภาคเจ้านั้นเป็นผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง. พระธรรมเป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ตรัสไว้ถูกต้องแล้วพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว' ดังนี้.

"ท่านผู้เจริญ! (2) ข้าพเจ้าได้เห็น พราหมณบัณฑิต บางพวก มีปัญญาละเอียดสุขุม เคยทำการโต้วาทะมาอย่างเชี่ยวชาญ...(ฯลฯ)... (มีข้อความทำนองเดียวกับข้อที่ 1 ทุกอย่างจนตลอดทั้งข้อ)

"ท่านผู้เจริญ! (3) ข้าพเข้าได้เห็น คหบดีบัณฑิต บางพวก มีปัญญาละเอียดสุขุม เคยทำการโต้วาทะมาอย่างเชี่ยวชาญ...(ฯลฯ)... (มีข้อความทำนองเดียวกับข้อที่ 1 ทุกอย่าง จนตลอดทั้งข้อ).

"ท่านผู้เจริญ! (4) ข้าพเจ้ไาด้เห็น สมณบัณฑิต บางพวก มีปัญญาละเอียดสุขุม เคยทำการโต้วาทะมาอย่างเชี่ยวชาญ...(ฯลฯ)... แล้วจะพูดอะไรกันถึงการแย้งตามที่คิดกันไว้. เขาพากันทูลขอโอกาสกะพระสมณโคดม เพื่อการบรรพชา บวชจากเรือนถึงความไม่มีเรือน หมดสิ้นไม่มีเหลือ. พระสมณโคดมย่อมให้บรรพชาแก่บัณฑิตทั้งหลายเหล่านั้น. บัณฑิตเหล่านั้น ครั้นบวชแล้วในธรรมวินัยนั้น เป็นผู้หลีกออกสู่ที่สงัด ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปในสมาธิภาวนาอยู่เป็นปรกติ, ไม่นานเลย ก็ทำให้แจ้งได้ซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันไม่มีพรหมจรรย์อื่นยิ่งกว่า อันเป็นที่ปรารถนาของกุลบุตรทั้งหลายผู้ออกจากเรือนบวชเป็นผู้ไม่มีเรือน, ได้ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง เข้าถึงสุขอันเกิดแต่พรหมจรรย์นั้นแล้วแลอยู่. ท่านเหล่านั้นได้พากันกล่าวว่า `ท่านผู้เจริญทั้งหลายเอ๋ย! เราไม่ขยี้หัวใจของเราอีกต่อไป. เราไม่ขยี้หัวใจของเราอีกต่อไป. ก่อนหน้านี้ พวกเราไม่เป็นสมณะ ก็ปฏิญญาว่าตัวเองเป็นสมณะ, ไม่เป็นพราหมณ์ ก็ปฏิญญาตัวเองว่าเป็นพราหมณ์, ไม่เป็นอรหันต์ ก็ปฏิญญาตัวเองว่าเป็นอรหันต์. บัดนี้ พวกเราเป็นสมณะแล้ว, บัดนี้พวกเราเป็นพราหมณ์แล้ว, บัดนี้พวกเราเป็นอรหันต์แล้ว.' ดังนี้. ท่านผู้เจริญ! ในกาลใดข้าพเจ้าได้เห็นเครื่องยืนยันประการที่ 4 นี้ ในพระสมณโคดม, ในกาลนั้นข้าพเจ้าก็ถึงความแน่ใจว่า `พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง. พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ตรัสไว้อย่างถูกต้องแล้ว พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ปฏิบัติดีแล้ว' ดังนี้.

"ท่านผู้เจริญ! ในกาลใด ข้าพเจ้าได้เห็นเครื่องยืนยันทั้ง 4 ประการเหล่านี้ ในพระสมณโคดม, ในกาลนั้น ข้าพเจ้าได้ถึงความแน่ใจแล้วว่า`พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง. พระธรรมเป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ตรัสไว้อย่างถูกต้องแล้ว. พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ปฏิบติดีแล้ว' ดังนี้".

ลำดับนั้น ชาณุสโสณีพราหมณ์ได้ลงจากรถ ทำผ้าห่มเฉวียงบ่า ประณมมืออัญชลีไปทางทิศที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ กล่าวอุทานนี้ขึ้น 3 ครั้งว่า :-

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส!

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส!

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส! และว่า เมื่อไรหนอเราจะพึงพบปะสมาคม กับพระสมณโคดมนั้น, ทำอย่างไรหนอ จะได้สนทนาเรื่องไรๆ กับพระสมณโคดมนั้น ดังนี้.

- คำของปิโลติกะปริพพาชก ตอบชาษุสโสณีพราหมณ์ตามความรู้สึกของตนที่มีอยู่ในพระผู้มีพระภาคเจ้าว่าพระองค์เป็นอย่างไร. มู.ม. 12/336/329.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ
หนังสือที่เกี่ยวข้อง