ไปยังหน้า : |
[Font : 15 ]
|
| | |
กัจจานะ! สามณพราหมณ์เหล่าใด ไม่รู้ซึ่งส่วนสุดข้างต้น (ปุพพันตะ:ภพชาติในอดีต) ไม่รู้ ซึ่งส่วนสุดข้างปลาย (อปรันตะ : ภพชาติในอนาคต) แล้วจะปฎิญญาว่า ข้าพเจ้ารู้ว่า "ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ กิจอื่นที่ต้องปฎิบัติเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก" ดังนี้นั้น; สมณพราหมณ์เหล่านั้น ควรได้รับการข่มขี่โดยชอบธรรมนั่นเทียว. กัจจานะ! ก็แต่ว่า เรื่องปุพพันตะจงยกไว้ เรื่องอปรันตะก็จงยกไว้ก่อน; บุรุษผู้เป็นวิญญูชนไม่โอ้อวด ไม่มีมารยา มีสัญชาติแห่งคนตรง จงมาเถิด, เราจะพร่ำสอน เราจะแสดงธรรม, เมื่อปฎิบัติอยู่ตามที่เราสอนแล้ว จักรู้เอง จักเห็นเองโดยแท้ต่อกาลไม่นานทีเดียว; ดังที่ได้ยินกันอยู่แล้วว่า มีการพ้นพิเศษโดยชอบ จากเครื่องผูกกล่าวคืออวิชชา ด้วยอาการอย่างนี้.
กัจจานะ! เปรียบเหมือนเด็กอ่อนนอนหงายอยู่บนเบาะ ถูกผูกอยู่ด้วยเครื่องผูกคือด้าย มีที่คอเป็นคำรบห้า; เพราะอาศัยความเจริญ ความเติบโตแห่งอินทรีย์ ท. ก็พ้นจากเครื่องผูกเหล่านั้น; เขารู้สึกว่า "เราพ้นจากเครื่องผูกแล้ว" ดังนี้แล,ไม่มีเครื่องผูกอะไรเหลืออยู่, ฉันใด; กัจจานะ! ข้อนี้ ก็ฉันนั้น กล่าวคือ บุรุษผู้เป็นวิญญูชน ไม่โอ้อวด ไม่มีมารยา มีสัญชาติแห่งคนตรงจงมาเถิด, เราจะพร่ำสอน เราจะแสดงธรรม, เมื่อปฎิบัติอยู่ตามที่เราสอนแล้วจักรู้เอง จักเห็นเองโดยแท้ ต่อกาลไม่นานทีเดียว; ดังที่ได้ยินกันอยู่แล้วว่ามีการพ้นพิเศษโดยชอบ จากเครื่องผูกกล่าวคืออวิชชา ด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้.
- บาลี เวขณสสูตร ม.ม. 13/372/401. ตรัสแก่เวขณสปริพพาชก กัจจานโคตร ที่เชตวัน.